การฝากไข่ กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้หญิงยุคใหม่ที่ต้องการวางแผนครอบครัว ช่วยให้ผู้หญิงสามารถเก็บรักษาความสมบูรณ์ของไข่ไว้ เพื่อมีลูกในอนาคตได้ แต่ค่าใช้จ่ายในการฝากไข่ ราคาสูง อาจเป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนกังวล
บทความนี้ จะพาไปไขข้อสงสัยเรื่องการฝากไข่ ช่วงไข่สุกคืออะไร ค่าใช้จ่ายในการฝากไข่ (Egg Freezing) ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ราคาคร่าว ๆ อยู่ที่เท่าไหร่ และมีปัจจัยอะไรบ้างส่งผลต่อค่าใช้จ่าย เพื่อให้สามารถวางแผนการเงินได้อย่างมั่นใจ
ค่าใช้จ่ายในการฝากไข่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
การฝากไข่ ค่าใช้จ่าย โดยประมาณจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น โรงพยาบาล แพ็กเกจที่เลือก จำนวนไข่ที่ได้ และวิธีการเก็บรักษา โดยเฉลี่ย แพ็กเกจฝากไข่ ราคา จะประมาณ 180,000 – 220,000 บาท
ซึ่งมีรายละเอียดค่าฝากไข่คร่าว ๆ ประกอบด้วย
- ค่าตรวจฮอร์โมนและอัลตราซาวด์
- ค่ายากระตุ้นไข่
- ค่าเก็บไข่
- ค่าการแช่แข็งเก็บรักษาเซลล์ไข่
- ค่าดูแลรักษาไข่ระยะยาว (รายปี)
ตัวอย่างแพ็กเกจการฝากไข่ Egg Freezing จากโรงพยาบาลบางแห่ง
- โรงพยาบาลบีเอ็นเอช: แพ็กเกจฝากไข่ ราคาเริ่มต้น 180,000 บาท
- คลีนิก SAFE Fertility Group แพ็กเกจฝากไข่ ราคาเริ่มต้น 175,000 บาท
- โรงพยาบาลวิชัยเวช: แพ็กเกจฝากไข่ ราคาเริ่มต้น 120,000 บาท แบ่งจ่าย 2 ครั้ง
หรือหากใครต้องการฝากใข่เป็นรายปี ค่าใช้จ่ายฝากไข่ ราคาต่อปี ดังนี้
- ค่าเก็บรักษาไข่ ประมาณ 30,000 – 50,000 บาทต่อปี
- ค่าตรวจติดตามผล (ตรวจฮอร์โมน อัลตราซาวด์) ประมาณ 10,000 – 20,000 บาทต่อปี
รวมแล้ว ค่าใช้จ่ายฝากไข่ ราคาต่อปีสำหรับการฝากไข่ จะอยู่ที่ประมาณ 40,000 – 70,000 บาทต่อปี
การฝากไข่เหมาะกับใครบ้าง
การฝากไข่ หรือ การแช่แข็งไข่ (Egg Freezing) เป็นเทคโนโลยีช่วยให้ผู้หญิงสามารถเก็บรักษาความสมบูรณ์ของไข่ไว้ได้ เหมาะสำหรับผู้หญิงที่
- ยังไม่พร้อมมีบุตรในตอนนี้ หรือยังไม่มีคู่ครอง แต่ต้องการมีลูกในอนาคต
- มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไทรอยด์ หรือเป็นโรคมะเร็ง ต้องรักษาด้วยการให้ยาเคมีบำบัดหรือการฉายแสง ซึ่งอาจส่งผลต่อรังไข่
- มีปัญหาเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ เช่น เนื้องอก ซีสต์ ผ่าตัดรังไข่ มีภาวะรังไข่เสื่อมก่อนวัย มีประวัติครอบครัวหมดประจำเดือนเร็ว หรือ มีภาวะ PCOS
- อายุมากขึ้น คุณภาพของไข่จะลดลงตามอายุ การฝากไข่ไว้ก่อนอายุ 35 ปี จะช่วยให้ได้ไข่มีคุณภาพดี
- ต้องการวางแผนครอบครัว การฝากไข่ช่วยให้ผู้หญิงมีอิสระในการวางแผนการมีบุตร
สรุปการเก็บรักษาไข่ เหมาะสำหรับผู้หญิงต้องการมีบุตรในอนาคต แต่ยังไม่พร้อม หรือมีปัญหาสุขภาพที่ส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์
อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยควรพิจารณาเพิ่มเติม เช่นอายุ โดยทั่วไปการฝากไข่จะมีประสิทธิภาพดีที่สุด เมื่อทำก่อนอายุ 35 ปี
มีสุขภาพโดยรวมแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ รวมถึงความพร้อมด้านค่าใช้จ่าย
การเตรียมตัวก่อนทำการฝากไข่
การฝากไข่เป็นทางเลือกสำหรับผู้หญิงต้องการรักษาความสมบูรณ์ของไข่ไว้ เพื่อมีลูกในอนาคต กระบวนการวิธีเก็บไข่ ต้องอาศัยการเตรียมตัวทั้งร่างกายและจิตใจ ดังนี้
ขั้นตอนสำคัญก่อนการฝากไข่ มีดังนี้
- ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: นัดหมายเพื่อปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ พูดคุยถึงเป้าหมาย ความเสี่ยง กระบวนการ และค่าใช้จ่ายในการฝากไข่ ราคา ค่อนข้างสูง ต้องให้แพทย์ประเมินความเหมาะสม รวมทั้งให้คำแนะนำตรงกับความต้องการของคนไข้
- ตรวจร่างกาย: ตรวจสุขภาพโดยรวม ตรวจเลือด ตรวจฮอร์โมน อัลตราซาวด์ เพื่อประเมินความพร้อมของรังไข่และมดลูก
- ปรับพฤติกรรม: งดสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารมีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนัก เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและเพิ่มโอกาสในการเก็บไข่ที่ได้จำนวนมากและมีคุณภาพดี
- เตรียมยา: แพทย์จะสั่งยากระตุ้นไข่ แนะนำวิธีการฉีดยา แจ้งผลข้างเคียงอาจเกิดขึ้น หรือนัดหมายติดตามผล
- เตรียมตัวสำหรับการเก็บไข่: งดน้ำหรืออาหารก่อนเข้ารับการเก็บไข่ เตรียมผู้ติดตาม พักผ่อนให้เพียงพอ ควรเตรียมตัวทั้งร่างกายและจิตใจให้พร้อม เพื่อให้กระบวนการฝากไข่เป็นไปอย่างราบรื่น ประสบความสำเร็จ
โอกาสสำเร็จในการฝากไข่
โอกาสความสำเร็จในการเก็บรักษาไข่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยทั่วไป ผู้หญิงมีอายุน้อยกว่า 35 ปี มีโอกาสตั้งครรภ์จากไข่ที่ฝากไว้มากกว่าผู้หญิงมีอายุมากกว่า 35 ปี
ปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อโอกาสความสำเร็จ มีดังนี้
- จำนวนไข่ที่เก็บ: ยิ่งเก็บไข่มาก โอกาสตั้งครรภ์ก็ยิ่งมากขึ้น
- คุณภาพของไข่: ไข่มีคุณภาพดี มีโอกาสปฏิสนธิและพัฒนาเป็นตัวอ่อนสมบูรณ์มากกว่า
- วิธีการเก็บรักษา: การแช่แข็งแบบ vitrification ช่วยรักษาคุณภาพไข่ได้ดีกว่าการแช่แข็งแบบ slow freezing
- สุขภาพโดยรวม: ผู้หญิงมีสุขภาพแข็งแรง มีโอกาสตั้งครรภ์จากไข่ที่ฝากไว้มากกว่าผู้หญิงที่มีสุขภาพไม่แข็งแรง
อย่างไรก็ตาม การฝากไข่ไม่ได้รับประกันว่าจะตั้งครรภ์ได้ 100% ดังนั้นผู้หญิงที่กำลังพิจารณาฝากไข่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพราะ ฝากไข่ ราคาสูง เพื่อความสำเร็จและรับคำแนะนำที่เหมาะสม
เลือกฝากไข่ที่ไหนดี ที่มีประสิทธิภาพสูง
การฝากไข่ (Egg Freezing) เป็นทางเลือกสำหรับผู้หญิงที่ต้องการรักษาความสมบูรณ์ของไข่ไว้ เพื่อมีลูกในอนาคต กระบวนการนี้ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ เทคโนโลยีทันสมัย และมาตรฐานการบริการดี การเลือกสถานที่ การเก็บรักษาไข่ เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
ปัจจัยควรพิจารณาในการเลือกสถานที่ฝากไข่ มีดังต่อไปนี้
- ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ: เลือกสถานพยาบาลมีชื่อเสียง ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ที่มีประสบการณ์สูง
- อุปกรณ์เทคโนโลยี: เลือกสถานพยาบาลมีเทคโนโลยีหรืออุปกรณ์ทันสมัย ครบครัน ปลอดภัย เพื่อให้ได้ไข่มีคุณภาพดี
- ผลลัพธ์: ศึกษาข้อมูลเปรียบเทียบอัตราความสำเร็จการเก็บรักษาไข่ หรือตั้งครรภ์จากไข่ที่ฝากไว้ของแต่ละสถานพยาบาล
- ค่าใช้จ่าย: เปรียบเทียบแพ็กเกจฝากไข่ ราคาของแต่ละสถานพยาบาล พิจารณาให้ครอบคลุมทั้งค่าใช้จ่ายก่อน ระหว่าง และหลัง Egg Freezing
- บริการ: เลือกสถานพยาบาลมีบริการครบครัน สะดวก รวดเร็ว และใส่ใจคนไข้
- ความสะดวก: เลือกสถานพยาบาลเดินทางสะดวก มีที่จอดรถ
ตัวอย่างสถานที่ฝากไข่น่าเชื่อถือ มีดังนี้
- SAFE Fertility Group: ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากที่ได้รับความนิยม มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีทันสมัย อัตราความสำเร็จในการฝากไข่สูง บริการครบวงจร https://www.safefertilitygroup.com/en/home
- โรงพยาบาลพญาไท 2: ศูนย์ IVF มีชื่อเสียง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ เทคโนโลยีล้ำสมัย https://www.phyathai.com/th/pyt2
- โรงพยาบาลวิชัยเวช: ศูนย์ IVF ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เทคโนโลยีทันสมัย บริการครบวงจร https://www.vichaivej.com/
การฝากไข่ เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ ควรศึกษาข้อมูล เปรียบเทียบและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกสถานที่ฝากไข่ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลมากที่สุด