Line chat

นอนไม่หลับ โรคยอดฮิตที่ส่งผลอันตรายต่อสุขภาพ

นอนไม่หลับ

นอนไม่หลับสมองไม่หยุดคิด กว่าจะข่มตานอนให้หลับได้ อาการพวกนี้ที่บ่งบอกว่าคุณมีภาวะนอนหลับยาก การนอนไม่หลับสามารถส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อชีวิตประจำวัน ดังนั้นควรพยายามหาวิธีแก้ไขและรักษาอาการนี้อย่างเหมาะสม บทความนี้พาไปทำความรู้จักโรคนอนไม่หลับ พร้อมวิธีทำให้นอนหลับ และการรักษานั้นทำได้อย่างไร



อาการนอนไม่หลับมีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง?

โรคนอนไม่หลับ อาการ

อาการนอนไม่หลับ (Insomnia) อาจเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ดังนี้

  • ความเครียดและความวิตกกังวล ความกังวลเกี่ยวกับงาน การเรียน หรือปัญหาส่วนตัว อาจทำให้จิตใจไม่สงบและนอนไม่หลับได้
  • ปัญหาสุขภาพจิต เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล หรือโรคไบโพลาร์
  • สภาพแวดล้อมในการนอน เสียงรบกวน แสงสว่าง หรืออุณหภูมิในห้องนอนที่ไม่เหมาะสม
  • การใช้สารเสพติด การดื่มกาแฟ แอลกอฮอล์ หรือการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาที่มีสารกระตุ้นให้ตื่นตัว
  • การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต การเดินทางข้ามโซนเวลา หรือการทำงานเป็นกะ
  • ปัญหาสุขภาพร่างกาย เช่น ปวดหลัง ปวดท้อง หรือปัญหาทางเดินหายใจ
  • การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน เช่น การดูทีวีหรือใช้สมาร์ทโฟนก่อนนอน อาจทำให้สมองตื่นตัวและนอนไม่หลับนั่นเอง

อาการนอนไม่หลับ มีกี่แบบ?

อาการนอนไม่หลับกระสับกระส่ายสามารถแบ่งออกเป็นหลายแบบ ขึ้นอยู่กับลักษณะและระยะเวลาของอาการ โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกเป็น 3 แบบหลักๆ ได้แก่

  1. นอนไม่หลับชั่วคราว (Transient Insomnia) หรืออยากนอนแต่นอนไม่หลับ สามารถเกิดขึ้นเป็นระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 1 คืนถึงไม่เกิน 1 สัปดาห์ สาเหตุอาจมาจากความเครียดเฉียบพลัน เช่น การสอบ การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม หรือการเดินทางข้ามโซนเวลา
  2. นอนไม่หลับระยะสั้น (Short-Term Insomnia) เกิดขึ้นเป็นระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ถึง 3 เดือน สาเหตุอาจมาจากความเครียดที่ยืดเยื้อ หรือการปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงในชีวิต เช่น การเลิกรา การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก หรือปัญหาสุขภาพบางอย่าง
  3. นอนไม่หลับเรื้อรัง (Chronic Insomnia) เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่า 3 เดือน มักมีสาเหตุจากปัญหาสุขภาพจิต เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล หรือโรคไบโพลาร์ รวมถึงปัญหาสุขภาพร่างกายที่มีความซับซ้อน เช่น โรคปวดเรื้อรัง หรือปัญหาทางเดินหายใจ

ผลเสียของการนอนไม่หลับ ไม่เต็มอิ่ม

การนอนไม่หลับอาจมีผลเสียหลายประการต่อร่างกายและจิตใจ จนก่อให้เกิดไปถึงความอันตรายต่อชีวิตได้เลย 

  1. ผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย
    • ความอ่อนเพลียและการเสื่อมสมรรถภาพ: รู้สึกอ่อนล้า ไม่มีพลังงาน สมรรถภาพในการทำงานและกิจกรรมประจำวันลดลง
    • ความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง: เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง
    • ระบบภูมิคุ้มกันลดลง: การนอนไม่หลับเป็นเวลานานทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น
  2. ผลเสียต่อสุขภาพจิต
    • อารมณ์ไม่คงที่: มีแนวโน้มจะมีอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย หรือมีอาการซึมเศร้า
    • ความเครียดและความวิตกกังวล: การนอนไม่หลับเป็นเวลานานอาจเพิ่มความเครียดและความวิตกกังวล
  3. ผลเสียต่อการทำงานและการเรียน
    • สมาธิลดลง: อาการง่วงนอนตลอดเวลารู้สึกไม่สดชื่นนั้น ทำให้ความสามารถในการจดจ่อและจดจำข้อมูลลดลง
    • ประสิทธิภาพการทำงานลดลง: ประสิทธิภาพในการทำงานและการเรียนลดลง อาจทำให้เกิดความผิดพลาดบ่อยขึ้น
  4. ผลเสียต่อความปลอดภัย
    • อุบัติเหตุ: การนอนไม่หลับทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุในการขับขี่รถยนต์หรือในบางอาชีพที่ทำงานที่เสี่ยงอันตรายเพิ่มขึ้น

อาการนอนไม่หลับแบบไหนควรปรึกษาแพทย์

วิธีทำให้นอนหลับ

อาการง่วงแต่นอนไม่หลับที่ควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ คือในกรณีที่อาการมีความรุนแรงหรือส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งเช็คแล้วการพักผ่อนไม่เพียงพออาการดังต่อไปนี้ ต้องรีบพบแพทย์โดยเร็ว

  1. นอนไม่หลับเรื้อรัง (Chronic Insomnia) หากมีอาการนอนไม่หลับ ชอบสะดุ้งตื่นกลางดึกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3 เดือนหรือมากกว่านั้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและวิธีการรักษาที่เหมาะสม
  2. นอนไม่หลับที่มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน หากอาการนอนไม่หลับทำให้มีผลกระทบต่อการทำงาน การเรียน หรือกิจกรรมประจำวัน รวมถึงอารมณ์และสุขภาพจิต
  3. อาการนอนไม่หลับที่มีอาการแทรกซ้อนทางร่างกาย เช่น ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ หรือมีอาการเจ็บป่วยอื่นๆ ร่วมด้วย
  4. การนอนไม่หลับที่มาจากปัญหาสุขภาพจิต เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล หรือโรคซึมเศร้า หากรู้สึกว่าควบคุมอาการเหล่านี้ไม่ได้
  5. การนอนไม่หลับที่เกิดจากการใช้ยาหรือสารเสพติด หากการนอนไม่หลับเกิดจากการใช้ยาหรือสารเสพติดบางชนิด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนยา หรือหาวิธีการเลิกใช้สารเสพติด

นอนไม่หลับ รักษาได้ไหม และมีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง?

อาการนอนไม่หลับสามารถรักษาได้โดยใช้วิธีการต่างๆ ซึ่งอาจแบ่งออกเป็นการปรับพฤติกรรม การใช้ยา และการรักษาทางจิตวิทยา ดังนี้

การปรับพฤติกรรมและวิถีชีวิต

  1. การสร้างสุขลักษณะการนอนที่ดี (Sleep Hygiene)
    • วิธีนอนให้หลับง่ายๆ คือเข้านอนและตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุกวัน
    • สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการนอน เช่น ห้องเงียบ มืด และอุณหภูมิที่สบาย
    • หลีกเลี่ยงการใช้สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ หรือดูทีวีก่อนนอน
    • หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ แอลกอฮอล์ หรือการสูบบุหรี่ก่อนนอน
  2. การผ่อนคลายก่อนนอน
    • ฝึกการหายใจลึกๆ การทำสมาธิ หรือการโยคะ
    • อ่านหนังสือหรือนั่งสมาธิ
  3. การปรับพฤติกรรมการกิน
    • หลีกเลี่ยงการกินอาหารหนักก่อนนอน
    • รับประทานอาหารที่มีสารช่วยการนอน เช่น นมอุ่น หรือกล้วย

การรักษาด้วยยา

  1. ยานอนหลับ (Sedative-Hypnotics)
    • วิธีทำให้นอนหลับโดยการใช้ยานอนหลับ ในเฉพาะกรณีที่จำเป็นและต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
    • ยาที่ใช้บ่อยเช่น Benzodiazepines, Non-benzodiazepine hypnotics
  2. ยารักษาภาวะซึมเศร้าหรือยาคลายกังวล (Antidepressants/Anti-anxiety medications)
    • ใช้ในกรณีที่การนอนไม่หลับเกิดจากความเครียดหรือภาวะซึมเศร้า

การรักษาทางจิตวิทยา

  1. การบำบัดด้วยพฤติกรรมและการรู้คิด (Cognitive Behavioral Therapy for Insomnia – CBT-I)
    • เป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูง โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและความคิดเกี่ยวกับการนอน
    • วิธีทำให้ง่วงโดยการใช้เทคนิคเช่น การควบคุมการกระตุ้น (Stimulus Control), การจำกัดเวลานอน (Sleep Restriction)
  2. การผ่อนคลายและการฝึกสมาธิ (Relaxation Techniques and Mindfulness Meditation)
    • การฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึก การทำสมาธิ การฝึกจินตนาการถึงภาพที่สงบ

สรุปโรคนอนไม่หลับ หลับยาก

การแก้ไขปัญหานอนไม่หลับหรือนอนหลับยาก อาจเริ่มจากการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการนอน การรักษาที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคลอาจแตกต่างกัน ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านการนอนเพื่อหาสาเหตุและแนวทางการรักษาที่เหมาะสมต่อไป