Line chat

ฝ้าตรงโหนกแก้ม ปัญหากวนใจบนใบหน้า ที่ต้องรีบรักษา

ฝ้าตรงโหนกแก้ม

ฝ้าตรงโหนกแก้มเป็นมากกว่าปัญหาด้านความงาม เพราะมันส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสวยงามบนใบหน้า และความมั่นใจของตนเองอีกด้วย ความไม่สมบูรณ์แบบของผิวที่เกิดขึ้นเหล่านี้ จำเป็นต้องได้รับการเอาใจใส่ ทั้งยังต้องได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพ เพื่อฟื้นฟูความใบหน้าให้กลับมาสวยงามดังเดิม พร้อมความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม 

ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักเกี่ยวกับการเป็นฝ้าตรงโหนกแก้ม สาเหตุที่ทำให้เกิดรอยตำหนิบนโหนกแก้ม ฝ้าตรงโหนกแก้มประเภทต่าง ๆ วิธีการรักษามีอะไรบ้าง ไปจนถึงมาตรการในการป้องกันที่จำเป็น เพื่อให้ผิวมีความกระจ่างใสอยู่เสมอ

สาเหตุว่าทำไมถึงพบฝ้าขึ้นตรงโหนกแก้มบ่อย

สาเหตุที่ฝ้าตรงโหนกแก้มเป็นบริเวณที่พบฝ้าได้บ่อยกว่าบริเวณอื่นบนใบหน้า ซึ่งมาจากปัจจัยสาเหตุหลัก ๆ มาจาก 3 ปัจจัย ดังนี้

  1. โดนแสงแดดโดยตรง โหนกแก้มเป็นบริเวณที่ไม่มีสิ่งปกคลุม มักโดนแสงแดดโดยตรง แสงแดดกระตุ้นให้เซลล์สร้างเม็ดสีเมลานินทำงานมากขึ้น ทำให้เกิดเป็นฝ้าได้ง่าย
  1. ผิวบาง โหนกแก้มมีผิวบางกว่าบริเวณอื่นบนใบหน้า ทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีเมลานินไวต่อแสงแดดและฮอร์โมนมากกว่าบริเวณอื่น
  1. การไหลเวียนเลือดน้อย โหนกแก้มมีการไหลเวียนเลือดน้อยกว่าบริเวณอื่นบนใบหน้า เซลล์เม็ดสีเมลานินจึงสะสมได้ง่าย

ฝ้าตรงโหนกแก้ม เกิดจากมาจากอะไร

โหนกแก้มเป็นจุดที่เด่นชัดบนใบหน้า ซึ่งเป็นส่วนที่แสดงถึงความงดงาม อย่างไรก็ตาม ความโดดเด่นของใบหน้านี้อาจเกิดอาการไม่ปกติของผิวหนังได้หลายประการ รวมถึงรอยตำหนิด้วย การเจาะลึกถึงสาเหตุที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการเกิดฝ้าตรงโหนกแก้มบ่อยครั้ง เผยให้เห็นปัจจัยที่มีอิทธิพลที่ทำให้เกิดขึ้น ตั้งแต่การเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ไปจนถึงเกิดจากความผิดปกติของผิวหนังที่ซับซ้อน ซึ่งได้แก่

  1. ฮอร์โมน ความผันผวนของฮอร์โมนยังมีบทบาทสำคัญในการเกิดเป็นฝ้าตรงโหนกแก้ม ความไม่สมดุลของฮอร์โมน ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงวัยแรกรุ่น การมีประจำเดือน การตั้งครรภ์ หรือวัยหมดประจำเดือน อาจทำให้เกิดการผลิตเม็ดสีเมลานินจำนวนมาก ทำให้มีโอกาสเกิดฝ้าตรงโหนกแก้มสูงยิ่งขึ้น
  1. แสงแดด การได้รับรังสี UV ที่เป็นอันตรายเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อผิวหนัง เกิดการอักเสบ ไปจนถึงความผิดปกติของเม็ดสี ทำให้โหนกแก้มเสี่ยงต่อการฝ้าขึ้นได้
  1. พันธุกรรม ลักษณะที่สืบทอดมา อาจส่งผลต่อการผลิตเม็ดสีเมลานิน ความไวของผิวหนัง ไปจนถึงความอ่อนแอต่อสภาพบางอย่าง ส่งผลให้บุคคลนั้นเกิดฝ้าขึ้นมาได้
  1. ความร้อน อุณหภูมิกับความชื้นที่สูงขึ้น อาจทำให้การเกิดเหงื่อ ส่งผลให้เกิดความมันรุนแรงขึ้น ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเกิดฝ้าตรงโหนกแก้มมากขึ้น
  1. การอักเสบ หรือการอักเสบเรื้อรัง ไม่ว่าจะเกิดจากปัจจัยภายใน เช่น การตอบสนองของภูมิคุ้มกัน หรือปัจจัยภายนอก อย่างเช่น สารระคายเคือง อาจทำให้ผิวหนังมีรอยแดง บวม เกิดสิวลุกลาม หรือเป็นฝ้าตรงโหนกแก้มได้
  1. ยาบางชนิด ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้าได้ ตัวอย่างเช่น คอร์ติโคสเตียรอยด์ ยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมน และยากันชัก ซึ่งอาจส่งผลถึงความสมดุลของฮอร์โมนได้ หรือทำให้ความไวของผิวหนังได้อีกด้วย
  1. เครื่องสำอาง บางชนิดจะสร้างความระคายเคืองกับผิว ตัวอย่างเช่น สารปรอท สารเสตียรอยด์ ไปจนถึงโลหะหนัก ซึ่งจะทำให้ผิวหนังเสียหาย
  1. มลพิษ การสัมผัสกับมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม เช่น อนุภาคในอากาศและสารพิษ อาจทำให้การทำงานของเกราะป้องกันผิวหนังลดลง กระตุ้นทำให้เกิดการสร้างเม็ดสีเมลามินมากยิ่งขึ้น

การที่คุณทราบถึงสาเหตุของการเกิดฝ้าตรงโหนกแก้มที่กล่าวมา จะช่วยให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หลีกเลี่ยง ไปจนถึงป้องกันตัวเองจากปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดฝ้าขึ้นมาได้ เพื่อให้ใบหน้าของคุณยังคงงดงามอยู่เสมอ

ฝ้าตรงโหนกแก้ม มีหลายชนิด แต่ละชนิดต่างกันอย่างไร

ลักษณะของฝ้าแต่ละชนิด

ฝ้าตรงโหนกแก้มปรากฏให้เห็นในรูปแบบต่าง ๆ มากมาย โดยแต่ละจุดมีลักษณะเฉพาะ ทั้งยังมีสาเหตุที่ซ่อนอยู่ การทำความเข้าใจความแตกต่างของฝ้าประเภทต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการใช้กลยุทธ์การรักษาแบบตรงเป้าหมาย เพื่อบรรลุผิวที่กระจ่างใส เรามาเจาะลึกคุณลักษณะเฉพาะของฝ้าแต่ละประเภท มีดังนี้

  1. ฝ้าตื้น (Epidermal type)

ฝ้าตื้น มักพบในผู้หญิงวัยวัยรุ่น ถึงวัยทำงาน ลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาลอ่อน ขอบเขตชัดเจน เกิดขึ้นในชั้นหนังกำพร้า ซึ่งเป็นชั้นนอกสุดของผิวหนัง ฝ้าชนิดนี้รักษาได้ง่ายกว่าฝ้าชนิดอื่น

  1. ฝ้าลึก (Dermal type)

ฝ้าลึก มักพบในผู้หญิงวัย 40 ปี ขึ้นไป ลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาลเข้ม ขอบเขตไม่ชัดเจน เกิดขึ้นในชั้นหนังแท้ ซึ่งอยู่ลึกลงไปใต้ชั้นหนังกำพร้า ฝ้าชนิดนี้รักษาได้ยากกว่าฝ้าตื้น

  1. ฝ้าผสม (Mixed type)

ฝ้าผสม มีลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาล ขอบเขตไม่ชัดเจน เกิดขึ้นทั้งชั้นหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้ การรักษาจะขึ้นอยู่กับความลึกของฝ้า

  1. ฝ้าแดด (Melasma)

ฝ้าแดดเกิดจากแสงแดด มักพบในผู้ที่มีผิวคล้ำ ลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาลเข้ม ขอบเขตไม่ชัดเจน มักพบร่วมกับกระ

  1. ฝ้าเลือด (Nevus of Ota)

ฝ้าเลือด เกิดจากความผิดปกติของเม็ดสีเมลานิน มักพบตั้งแต่เด็ก ลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาลอมฟ้า ขอบเขตชัดเจน การรักษาค่อนข้างยาก

  1. ฝ้าสเตียรอยด์ (Steroid-induced melasma)

ฝ้าสเตียรอยด์ เกิดจากการใช้ยาสเตียรอยด์ มักพบในผู้ใช้ยาสเตียรอยด์ทาผิวเป็นเวลานาน ลักษณะเป็นปื้นสีแดงอมม่วง ขอบเขตชัดเจน การรักษาค่อนข้างยาก

จากที่ยกตัวอย่างมาข้างต้น เป็นเพียงบางส่วนที่ของฝ้าทั้งหมดเท่านั้น เพื่อให้คุณทราบว่าฝ้าแต่ละแบบต่างกันอย่างไร คุณจะได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม  การดูแลผิวให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดฝ้าตรงโหนกแก้มขึ้นมาได้

ฝ้าตรงโหนกแก้ม สามารถรักษาด้วยวิธีใดได้บ้าง

ฝ้าที่โหนกแก้มเกิดจาก

การรักษาฝ้าตรงโหนกแก้มนั้นมีด้วยกันหลากหลายวิธีด้วยกัน ซึ่งแต่ละวิธีนั้นจะแตกต่างกันไปตามชนิดของฝ้าและลักษณะผิวหนังเป็นอันดับแรก เมื่อคุณทราบถึงชนิดของฝ้าแล้ว การเลือกวิธีการรักษาให้เหมาะสมก็จะทำได้ง่ายยิ่งขึ้น แต่เมื่อคุณลองรักษาด้วยตัวเองแล้ว แต่ฝ้ากลับไม่ลง การปรึกษาแพทย์จึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุด แต่คุณต้องเข้าใจก่อนว่า ฝ้าไม่สามารถรักษาให้หายขาด ทั้งยังมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำเมื่อหยุดรักษาอีกด้วย ซึ่งวิธีการรักษามีดังนี้

ใช้การรักษาด้วยสกินแคร์

การรักษาฝ้าด้วยสกินแคร์ เป็นวิธีแรกเริ่มที่สะดวก สามารถทำได้เอง โดยเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมสำคัญ ดังนี้

  1. ครีมกันแดด การทาเป็นประจำทุกวัน แล้วครีมควรมีค่า SPF 30 ขึ้นไป เพื่อป้องกันแสงแดด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของฝ้า
  1. ครีมบำรุง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารต่าง ๆ ได้แก่
  • วิตามินซี ช่วยต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
  • วิตามินอี ต้านอนุมูลอิสระ ชะลอวัยได้
  • ไนอาซินาไมด์ ยับยั้งการส่งเม็ดสีเมลานิน ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส
  • สารกลุ่ม AHA, BHA ผลัดเซลล์ผิว ลดเลือนรอยดำ รอยแดง
  • Alpha Arbutin ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน
  • Tranexamic Acid ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส
  • Kojic Acid ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน

ใช้ยาในการรักษา

ในบางกรณี อาจจำเป็นต้องใช้ยารับประทานหรือการรักษาเฉพาะที่ด้วยการทา ตามใบสั่งแพทย์ เพื่อรักษาฝ้าตรงโหนกแก้มอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยยาถูกแบ่งเป็น 2 หมวดอย่างชัดเจน คือ

  1. ยาทา ได้แก่
  • ครีมไฮโดรควิโนน เป็นยาทาฝ้าที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง
  • ครีมกรดอะเซลาอิก มีประสิทธิภาพปานกลาง เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
  • ครีมทาที่มีส่วนผสมของสารกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ ช่วยลดการอักเสบ ควรใช้ร่วมกับยาทาอื่น ๆ
  • ครีมทาที่มีส่วนผสมของ Alpha Arbutin, Tranexamic Acid, Kojic Acid เป็นสารที่ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน
  1. ยากิน ได้แก่
  • ยา Tranexamic Acid ช่วยลดการอักเสบ ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน
  • ยาเม็ดคุมกำเนิด ฮอร์โมนเอสโตรเจนกับโปรเจสเตอโรน อาจจะช่วยลดเลือนฝ้าลงได้
  • อาหารเสริม วิตามินซี วิตามินอี สารต้านอนุมูลอิสระ

ใช้วิธีการทำ IPL 

การบำบัดด้วยแสง Intense Pulsed Light (IPL) เป็นการรักษาแบบไม่รุกรานซึ่งใช้แสงสเปกตรัมกว้างเพื่อกำหนดเป้าหมายเซลล์ที่สร้างเม็ดสีและหลอดเลือดในผิวหนัง IPL สามารถรักษาสิวอักเสบ ไปจนถึงฝ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผิวกระจ่างใส สีผิวมีความสม่ำเสมอยิ่งขึ้น

ใช้วิธีทำเลเซอร์

การบำบัดด้วยเลเซอร์ เป็นการใช้ลำแสงที่เน้นไปที่ปัญหาผิวโดยเฉพาะ เช่น รอยแผลเป็นจากสิว รอยฝ้า หรือหลอดเลือดแตก เลเซอร์สามารถใช้เพื่อปรับปรุงลักษณะที่ปรากฏของฝ้าตรงโหนกแก้มโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน

ใช้วิธีฉีดเมโส

การฉีดเมโสเกี่ยวข้องกับการฉีดวิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ และสารอาหารอื่น ๆ ในปริมาณเล็กน้อยเข้าสู่ผิวโดยตรง เพื่อส่งเสริมการรักษา การผลิตคอลลาเจน รวมถึงการฟื้นฟูผิว การฉีดเมโสสามารถช่วยให้ฝ้าตรงโหนกแก้มลดลงได้ ทั้งยังทำให้สีผิวสม่ำเสมอขึ้นอีกด้วย

วิธีการป้องกันฝ้าตรงโหนกแก้ม มีอะไรบ้าง

เป็นฝ้าตรงโหนกแก้ม

การป้องกันฝ้าตรงโหนกแก้ม ต้องอาศัยการดูแลผิวที่เหมาะสม ด้วยการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้ดียิ่งขึ้น ดังนี้

  • ดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ ทำความสะอาด ขัดผิว ให้ความชุ่มชื้น พร้อมใช้ครีมกันแดดทุกวัน เพื่อให้ผิวแข็งแรงยิ่งขึ้น
  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์รุนแรง เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่อ่อนโยนกับสภาพผิวของคุณ นอกจากนั้นยังหลีกเลี่ยงการขัดผิวมากเกินไป หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ระคายเคือง+
  • จัดการความเครียด ความเครียดอาจทำให้สภาพผิวบางอย่างรุนแรงขึ้น เช่น สิว หรือโรคโรซาเซีย ดังนั้นควรฝึกเทคนิคการลดความเครียด เช่น การทำสมาธิ โยคะ หรือการหายใจเข้าลึก ๆ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยผักผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี รวมถึงโปรตีนไร้ไขมัน เพื่อสุขภาพผิวที่ดียิ่งขึ้น
  • ปกป้องผิวของคุณ ด้วยการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 หรือสูงกว่าทุกวัน หลีกเลี่ยงแสงแดดเป็นเวลานาน ทั้งปกป้องผิวจากมลภาวะและสารระคายเคืองต่อสิ่งแวดล้อม

สรุป ฝ้าตรงโหนกแก้มควรรักษาอย่างไร

การรักษาฝ้าตรงโหนกแก้มนั้นมีวิธีการรักษาที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับประเภทของฝ้า และความรุนแรงของสภาพผิว การรักษามีตั้งแต่การรักษาเบื้องต้นด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ไปจนถึงการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่น การรักษาด้วยเลเซอร์หรือการฉีดยา เป็นต้น ด้วยการรวมการรักษาเฉพาะที่อย่างเหมาะสม รวมกับการปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต จึงจะเป็นการรักษาฝ้าตรงโหนกแก้มได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวกระจ่างใส ดูมีสุขภาพดีขึ้น