ขึ้นชื่อว่า สิว ก็มีแต่คนส่ายหน้า เพราะเป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ยิ่งโดยเฉพาะสิวผด ผดผื่นเม็ดเล็ก ๆ ที่สร้างปัญหาใหญ่บนใบหน้า ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งสภาพอากาศและพฤติกรรมของเราเอง แต่เมื่อเรารู้สาเหตุแล้ว เราก็สามารถรักษาให้หายได้เช่นเดียวกัน ด้วยทั้ง 12 วิธีรักษาที่เราเตรียมมา รับรองว่า สิวผดจะไม่สามารถกวนใจคุณได้อีกต่อไป
สิวผด (Acne Aestivalis) คืออะไร
สิวผด (Acne Aestivalis หรือ Acne Mallorca) คือ ผดผื่นเม็ดเล็ก ๆ สีแดงที่กระจายตัวกันบนใบหน้า พบได้มากบริเวณหน้าผาก แก้ม คางและขมับ เมื่อลองเอามือสัมผัสดู จะรู้สึกว่า มีความแหลมของหัวสิว แต่ไม่สามารถเอาออกได้ เพราะไม่มีหัวสิว ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความรู้สึกระคายเคืองได้
ซึ่งสิวผดนี้ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย มักจะพบได้บ่อย เมื่ออากาศร้อนหรือมีเหงื่อออก ทำให้เกราะปกป้องผิวอ่อนแอลง จึงทำให้เกิดเป็นสิวผด โดยสิวมักจะเห่อขึ้นมาในช่วงบ่าย และอาการจะลดลงไปได้เองในช่วงเย็น
ความรุนแรงของสิวผด อาจจะต้องเข้าปรึกษาแพทย์ โดยแบ่งความรุนแรงงอกเป็น 3 ระดับ คือ
- สิวผดเล็กน้อย สามารถรักษาได้ โดยการใช้ยาทา
- สิวผดปานกลาง ให้รักษาด้วยการใช้ยาทา ควบคู่ไปกับยาฆ่าเชื้อแบบรับประทาน
- สิวผดรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องผิวหนัง
สาเหตุการเกิดสิวผด
สิวผดเป็นปัญหาที่สร้างความกวนใจให้แก่หลาย ๆ คนได้เป็นอย่างดี ด้วยความที่มันสามารถเกิดขึ้นได้ง่าย แต่ก็น้อยคนที่จะทราบสาเหตุว่าเกิดจากอะไร เราลองมาดูสาเหตุของการเกิดสิวผดกัน
1. ผิวแห้งกับสิวผด
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ผิวแห้ง หรือผิวแพ้ง่าย แล้วเลือกใช้สกินแคร์ที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว หรือปล่อยไว้ ไม่มีการบำรุงให้ผิวชุ่มชื้น กลับยิ่งทำให้ผิวแห้งหรือแพ้มากกว่าเดิม และอาจจะระคายเคืองจนทำให้เกิดสิวผดได้
2. สิวผดจากอาการแพ้
สิวผดอาจจะเกิดอาการแพ้และระคายเคืองจากครีมบำรุงผิว เครื่องสำอางค์ หรือ Skin care ที่สัมผัสกับผิว เช่น โฟมล้างหน้า โทนเนอร์ เซรั่ม ที่มีส่วนผสมของสารกันเสียและน้ำหอมที่มีค่า Ph ไม่เหมาะสมอีกด้วย
3. สิวผดเพราะสภาพอากาศ
ด้วยสภาพอากาศที่ร้อน เมื่อผิวหนังโดนแสงแดดและความร้อน ทำให้ผิวหนังต้องเร่งการขับเหงื่อ และถ้าหากระบายออกมาไม่หมด และเมื่อสัมผัสกับฝุ่นละออง ก็จะทำให้เกิดการสะสมก่อตัวของสิ่งสกปรก เกิดการอุดตันและเป็นสิวผดในที่สุด
4. มลภาวะสร้างสิวผด
มลภาวะในปัจจุบันอย่างฝุ่นPM 2.5 เรียกได้ว่าเป็นส่วนสำคัญ ทำให้เชื้อโรค สิ่งสกปรก และแบคทีเรียต่าง ๆ กระจายตัวอยู่ทั่วไปในอากาศ อาจทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน จนถึงขั้นอักเสบและเป็นสิวผดได้
5. ไม่สะอาดก็อาจเป็นสิวผด
การรักษาความสะอาดเป็นการลดโอกาสการสะสมเชื้อโรคที่อาจก่อให้เกิดสิวผด ดังนั้น หากเราไม่ดูแลรักษาความสะอาดทั้งของตัวเองและอุปกรณ์แต่งหน้า เราก็อาจมีปัญหาผดเล็ก ๆ เหล่านี้ ก่อกวนใจได้
6. ผิวอ่อนแอก็แพ้สิวผด
เกราะปกป้องผิว (Skin Barrier) ทำหน้าที่ในการกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวและป้องกันไม่ให้ปัจจัยภายนอกเข้ามาทำอันตรายต่อผิวได้ แต่เมื่อเกราะปกป้องผิวอ่อนแอลง จึงทำให้มีปัญหาผิวตามมา เช่น ผิวแห้ง ผิวแดงคัน จึงเกิดสิวผดเล็ก ๆ และผิวไวต่อการระคายเคืองได้ง่ายขึ้น
7. พฤติกรรมสร้างสิวผด
จากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันก็อาจจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสิวผดขึ้นได้ โดยที่เราไม่รู้ตัว เช่น
- การล้างหน้าบ่อย ๆ ก็จะทำให้ผิวหน้าเสียสมดุล
- การใช้น้ำอุ่นในการล้างหน้า จะยิ่งทำให้ผิวแห้งกร้าน และต่อมไขมันต้องทำงานเพิ่มขึ้น
- การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า หรือครีมบำรุงผิวที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว
- การใส่หน้ากากอนามัยเป็นระยะเวลานาน
- การแพ้สารเคมีบางประเภท
- การใช้มือที่ไม่สะอาดจับและสัมผัสที่ผิวหน้า
- การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอและความเครียด ล้วนส่งผลกระทบให้เกิดสิวผดขึ้นได้
8. สิวผลจากความเครียด
หากมีความเครียดมากเกินไป จนเป็นสาเหตุทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวผดได้
บริเวณที่เกิดสิวผด
โดยส่วนใหญ่ สิวผดมักจะขึ้นที่บริเวณใบหน้า แต่ในบริเวณอื่น ๆ บนร่างกายเองก็สามารถเกิดสิวผดขึ้นได้เหมือนกัน ตามบริเวณดังต่อไปนี้
- สิวผดที่หน้าผาก
- สิวผดที่แก้ม
- สิวผดที่จมูก
- สิวผดที่คาง
- สิวผดที่หลัง
- สิวผดที่คอ
- สิวผดที่หน้าอก
12 วิธีรักษาและป้องกันสิวผด
จากที่เราทราบสาเหตุของการเกิดสิวผดไปแล้ว ในบางสาเหตุเราก็สามารถป้องกันได้ จะเห็นได้ว่า วิธีรักษาสิวผดก็ไม่ใช่เรื่องยาก ซึ่งเรามีวิธีรักษาให้คุณเลือกทำตามอย่างมากมาย ดังนี้
1. แต่งหน้าให้บางลง
ยิ่งเราแต่งหน้าหนาเท่าไร ก็ยิ่งทำให้ผิวหนังเกิดการสะสม อุดตัน และเกิดสิวผดขึ้นในที่สุด กลายเป็นการเกิดซ้ำไปซ้ำมา หากจะหยุดวงโคจรนี้ ก็ควรแต่งหน้าให้บางลง หรือหน้าสดบ้างก็ได้
2. รักษาความสะอาด
สาเหตุหนึ่งของสิวผดก็คือ ความไม่สะอาด ดังนั้น หลังการแต่งหน้า ก็ควรใช้โทนเนอร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์มากเกินไป หรือเมคอัพ รีมูฟเวอร์ ทั้งแบบน้ำหรือแบบออยล์ เช็ดทำความสะอาด ทั้งยังช่วยเปิดรูขุมขน และนำสิ่งสกปรกออกไปด้วย
รวมถึงโฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของสารกันเสีย พาราเบน พาราฟิน สี น้ำหอม ซิลิโคน และสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง และจะต้องเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง จะช่วยทำให้ผิวแข็งแรง และช่วยลดการเกิดสิวผดได้
และสุดท้ายรวมถึงอุปกรณ์แต่งหน้าที่จะใช้ เช่น แปรงแต่งหน้า เครื่องนวดหน้า เป็นต้น ก็ต้องหมั่นรักษาความสะอาดอยู่เสมอ ไม่เช่นนั้น อุปกรณ์เหล่านี้จะกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคอย่างดี
3. ล้างหน้าให้ถูกวิธี
นอกจากจะเลือกใช้โฟมล้างหน้าให้เหมาะกับตัวเองแล้ว วิธีการล้างหน้าก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเราควรล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง ในช่วงเช้าและเย็น ไม่มากไปกว่านั้น เพราะการล้างหน้าบ่อย ๆ จะยิ่งกระตุ้นการเกิดสิวผดให้รุนแรงขึ้น และไม่ควรใช้น้ำอุ่นในการล้างหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวหน้าแห้ง จนเกิดการระคายเคือง และหลีกเลี่ยงการขัด ถู นวดหน้าแรง ๆ
4. สร้างเกราะปกป้องผิวให้แข็งแรง
เลือกใช้สกินแคร์ที่ช่วยรักษาสิวผด โดยมีคุณสมบัติในการช่วยรักษาความชุ่มชื้นและบำรุงเกราะปกป้องผิวได้ โดยมีส่วนผสมของสารสำคัญ เช่น
- Symsitive ช่วยลดความรู้สึกไม่สบายระคายผิว
- Licochalcone A ที่เป็นสารสกัดจากพืชธรรมชาติ ช่วยลดปัญหาผิวระคายไวต่อปัจจัยการทำร้าย หรือผิวอักเสบแดง
- Dexpanthenol ช่วยฟื้นบำรุงโครงสร้างผิวให้แข็งแรง ช่วยให้ผิวนุ่มและยืดหยุ่นได้อีกด้วย
- สารสำคัญอื่น ๆ เช่น ไฮยาลูรอนิค แอซิด, เซราไมด์, วิตามินอี, วิตามินซี เป็นต้น
5. ไม่คุ้ย แคะ แกะ เกาใบหน้าลดสิวผด
หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสผิวหน้า โดยไม่ใช้มือจับคลำ ลูบ นวด คุ้ย แคะ แกะ เกา เช็ดถูใบหน้า เพราะนิ้วมือและซอกเล็บเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคที่อาจทำเกิดการติดเชื้อได้ ซึ่งอาจทำให้สิวผดเกิดการอักเสบที่รุนแรงขึ้น นอกจากนี้ การแกะหรือบีบสิวเอง ยังเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำ รอยสิว และเกิดแผลเป็นตามมา
6. หลีกเลี่ยงแสงแดดและรังสียูวี
แสงแดดเป็นหนึ่งตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดสิวผด ควรใช้ครีมกันแดดทุกครั้ง เมื่อออกจากบ้าน โดยเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีเนื้อบางเบา ซึมซาบง่าย และมีค่า SPF 50 PA+++ เพื่อให้ปกป้องผิวไม่ให้ถูกทำร้ายจากแสงแดดและรังสียูวี แต่ถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็แนะนำให้พกร่ม และสวมหมวกแทน
7. ทานอาหารที่มีประโยชน์
เป็นการรักษาสิวผดจากภายใน เริ่มจากการเลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะผักและผลไม้ เพื่อเสริมแร่ธาตุ เพิ่มความแข็งแรงให้ผิว เสริมด้วยการดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้ว หรือประมาณ 1.5 – 2 ลิตร เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และปรับสมดุลให้กับร่างกาย และเลือกทานอาหารเสริม หรือวิตามิน C, วิตามิน E, Zinc และ Grape Seed เพื่อช่วยให้ผิวพรรณสดใส และบำรุงผิวหน้าให้แข็งแรงขึ้นได้
8. พักผ่อนและไม่เครียด
การนอนหลับพักผ่อนเป็นปัจจัยหลักของร่างกาย เพราะถ้าหากเราพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือนอนดึก จะทำให้ใบหน้าของเราดูโทรมและอิดโรย แถมยังทำให้เป็นสิวได้ง่าย หากต้องการให้ใบหน้าห่างไกลจากสิวผด ควรพักผ่อนให้เพียงพอ
และที่สำคัญต้องไม่เครียด เพราะความเครียดส่งผลให้ร่างกายผลิตฮอร์โมน เช่น ฮอร์โมนคอร์ติซอล (cortisol) และ แอนโดรเจน (androgens) ทำให้ต่อมไขมันทำงานหนัก และอาจทำให้เกิดสิว ดังนั้น ควรทำจิตใจให้สดใส ผ่อนคลาย ไม่เครียดจนเกิดไปหรือหาวิธีลดความเครียด เช่น การออกกำลังกาย การทำงานอดิเรก หรือการนั่งสมาธิ เพื่อลดสิวผดได้
9. พอกหน้าด้วยวิธีธรรมชาติ
ผักและผลไม้ นอกจากที่เราเลือกรับประทานมาบำรุงผิวพรรณภายในแล้ว เราก็ยังสามารถนำมาพอกหน้าบำรุงจากภายนอกได้อีกเช่นกัน ส่วนสารสำคัญอย่างไลโคปีน แคโรทีนอยด์ เบต้าแคโรทีน และวิตามินต่าง ๆ ล้วนแต่มีผลดีต่อร่างกาย โดยนำมาปั่นให้เป็นเนื้อเดียวกัน หรือหั่นเป็นชิ้นแว่น ๆ แล้วนำมาพอกหน้า ปัญหาสิวผดก็จะค่อย ๆ ลดน้อยลง พร้อมกับใบหน้าที่แลดูสดใสขึ้นด้วย
10. หลีกเลี่ยงสิ่งที่ก่อให้เกิดการแพ้
สิ่งที่เราต้องระมัดระวังคือ การเลือกใช้สกินแคร์ ครีมหรือยาที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ที่มีส่วนผสมอย่างเช่น Retinoic acid, Benzoyel peroxide AHA, BHA เป็นต้น เพราะจะทำให้ผิวหน้าแห้งลอก และเกิดการระคายเคืองก็เป็นต้นเหตุให้เกิดสิวผดขึ้นหน้าได้
11. ใช้ยารักษาสิวผด
จาก 10 ข้อที่กล่าวมา เป็นการรักษาด้วยตนเอง โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แต่ในข้อนี้จะเป็นการรักษาสิวผดเร่งด่วน คือ การใช้ยารักษา เพื่อระงับการเกิดผดผื่นและอาการระคายเคืองที่เกิดขึ้น ที่มีส่วนผสมของสารต่าง ๆ ดังนี้
- Ketoconazole เป็นยารักษาเชื้อรา สามารถต้านเชื้อรา P.ovale ที่ก่อให้เกิดสิวผดได้
- Adapalene โดยทาก่อนนอน เพื่อให้สิวผดมีหัวสิวผุดออกมาแล้ว แล้วค่อยกำจัดออกภายหลัง
- Zinc PCA สำหรับคนที่เป็นสิวผดจากการแพ้เครื่องสำอางค์
- กลุ่มอนุพันธุ์วิตามิน เอ ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตันของรูขุมขนใช้ได้ทั้งกับสิวผด และสิวอุดตัน
12. พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
อีกหนึ่งวิธีรักษาสิวผดเร่งด่วน คือ ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับคำแนะนำว่า ควรใช้วิธีไหนในการรักษา ควรใช้ยาตัวไหน เพื่อจะได้รับการรักษาได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมกับสภาพสิวของแต่ละคนมากที่สุด และป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีก
สิ่งที่คุณเข้าใจผิดเกี่ยวกับสิวผด
ขึ้นชื่อว่า สิว หลายคนก็ไม่ชอบใจเสียแล้ว แต่สิวเองก็มีหลากหลายประประเภท ทำให้มีคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับสิวผดหลายอย่าง เช่น
- เวลาเป็นสิวให้ล้างหน้าบ่อย ๆ : ควรล้างหน้าแค่วันละ 2 ครั้ง ไม่มากไปกว่านี้
- ทายารักษาเยอะ ๆ : หากจะใช้ยาในการรักษา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพราะว่ายาบางตัวอาจจะไม่สามารถใช้ร่วมกันได้
- งดใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ช่วงเป็นสิว: สาเหตุหนึ่งที่เป็นสิว เพราะผิวแห้ง ดังนั้น เราจึงบำรุงให้ผิวกลับมาชุ่มชื้น
ส่วนใหญ่จะเป็นการเข้าใจผิดเกี่ยวกับการรักษา แต่จะเห็นได้ว่า สิวผดรักษาได้ไม่ยากเลย
คำถามที่พบบ่อย
คำถามที่หลายคนมักจะสงสัยและถามบ่อยเกี่ยวกับสิวผด วันนี้ เรามีคำตอบมาให้หายคาใจกัน
เป็นสิวผดแล้วกี่วันหาย?
ความจริงแล้ว สิวผดเป็นสิวที่เกิดขึ้นได้ง่าย แต่ก็สามารถหายได้เร็ว ถ้าหากเราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมประจำวันบางอย่างตามที่ได้เสนอไป รวมถึงหลีกเลี่ยงข้อห้ามต่าง ๆ เพียงเท่านี้ สิวผดก็จะไม่มากวนใจอีกต่อไป
สกินแคร์ช่วยได้รักษาสิวผดได้จริงหรือ?
สกินแคร์ที่เหมาะกับผิวบริเวณที่เป็นสิวผด จะต้องมีคุณสมบัติ 3 ประการดังนี้
- ให้ความชุ่มชื้น ในแบบที่ไม่เหนอะหนะ ไม่อุดตัน
- มีสารสำคัญอย่าง Niacinamide หรือวิตามินบี 3 จะช่วยทำให้ปัญหาสิวผดดีขึ้น
- ไม่ควรมีสารที่เสี่ยงต่อการทำให้ผิวแห้ง หรือระคายเคือง เช่น น้ำหอม สี รวมถึงแอลกอฮอล์
ไม่อยากกลับมาเป็นสิวผดซ้ำ ควรทำอย่างไรดี ?
สาเหตุที่เกิดสิวผดนั้นมีมากมาย รวมถึงสภาพอากาศที่ร้อนอย่างประเทศไทย เพราะฉะนั้น การหลีกเลี่ยงแสงแดดจึงเป็นเรื่องที่ยาก แต่เราก็สามารถเลือกที่จะบำรุงผิวของเราจากภายใน ด้วยการปรับพฤติกรรม ทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนเพียงพอ และใช้สกินแคร์ที่มีสารสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิว เท่านี้ เราก็จะไม่กลับมาเป็นสิวผดบ่อย ๆ แล้ว
สิวผด เหมือน สิวอุดตัน หรือไม่?
สิวผดเป็นผดผื่นสีแดง เม็ดเล็ก ๆ เกิดจากการระคายเคืองผิว แต่สิวอุดตันเกิดจากการที่รูขุมขนอุดตันจากสิ่งสกปรกตกค้าง และน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้า ดังนั้น วิธีรักษาสิวผดนั้นก็จะแตกต่างไปจากวิธีรักษาสิวอุดตัน
สิวผดเกิดจากการใส่หน้ากากอนามัยจริงหรือไม่?
นับว่า หน้ากากอนามัยมีส่วนที่ทำให้เกิดสิวผด เพราะบริเวณส่วนนั้น มักจะถูกเสียดสีและอับชื้นเป็นประจำ ทำให้เกิดสิวได้ ดังนั้น วิธีรักษาสิวผดอีกวิธีหนึ่งก็คือไม่ควรใช้แมสก์ซ้ำ หากเป็นแมสก์ผ้าก็ควรซักและตากให้แห้งอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดสิว
ข้อสรุป
สิวผดเกิดได้จากหลายสาเหตุ ถึงแม้ว่าส่วนมากแล้ว สิวผดจะไม่ได้เห็นได้ชัดเจนบนผิวหนัง แต่ก็อาจก่อให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ จากการสัมผัสผิวที่มีตุ่มเล็ก ๆ ขึ้นได้ และถึงแม้ว่า โดยทั่วไป มันจะไม่ก่อให้เกิดการอักเสบหรือติดเชื้อ แต่ในสภาพอากาศร้อน ก็อาจจะทำให้สิวลุกลามได้ การรักษาและป้องกัน โดยเริ่มจากผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่อ่อนโยนและไม่ก่อให้เกิดความระคายเคืองกับผิวจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากนั่นเอง