ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ทุกคนต่างก็ยุ่งอยู่กับการหาเลี้ยงครอบครัว ไม่มีเวลาที่จะดูแลตัวเอง หรือพักผ่อนผิวหน้า คนที่ต้องการใช้ใบหน้าเร่งด่วนในการออกงาน หรือคนที่มีอายุมากขึ้น จึงเริ่มมีสัญญาณการเปลี่ยนแปลงของผิว ฯลฯ ปัจจัยเหล่านี้ก่อให้เกิดผิวหมองคล้ำ มีริ้วรอย มีปัญหาสิว ซึ่งทำให้คนขาดความมั่นใจที่จะดำเนินชีวิตประจำวัน
ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการต้องการลองทรีทเม้นท์หน้าเพื่อจะฟื้นฟูผิวหน้าที่เสื่อมสภาพ พร้อมทั้งผ่อนคลายความเครียดของเซลล์ผิว ชะลอสัญญาณแห่งวัย เช่นริ้วรอย ซึ่งให้ผลชัดเจนรวดเร็วเมื่อเทียบกับการทาครีมบำรุงผิวอย่างเดียวทุก ๆ วัน นอกจากนี้การทำทรีทเม้นท์หน้ายังช่วยให้ผิวได้ผ่อนคลาย ปรับสมดุลผิว ป้องกันการเกิดปัญหาผิวในอนาคตด้วย
รู้จักการทำ “ทรีทเม้นท์หน้า”
ทรีทเม้นท์หน้า คือการดูแลผิวหน้าประเภทหนึ่ง ซึ่งมีอยู่หลาย ๆ วิธีที่มีจุดประสงค์เหมือน ๆ กันในการที่จะให้เกิดผลลัพธ์ เช่น กระชับรูขุมขนบนใบหน้า ยกผิวหน้า ลดริ้วรอย รักษาสิว ลดรอยคล้ำใต้ตา ผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ เพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวหน้า กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และช่วยทำให้ผิวเนียนนุ่มแลดูกระจ่างใส ไม่แห้งกร้าน
ปัจจุบันได้มีการคิดค้นหลากหลายวิธีในการทำ “ทรีทเม้นท์หน้า” ขึ้นมา ก็เพราะสภาพแวดล้อมนับวันมีแต่จะแย่ลงเรื่อย ๆ และเต็มไปด้วยฝุ่น ควัน และมลภาวะ รวมทั้งแสงแดดที่มีแต่จะร้อนแรงมากยิ่งขึ้น ปัจจัยเหล่านี้มีส่วนทำให้ใบหน้าได้รับความเสียหาย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องหาวิธีดูแลผิวหน้าให้ฟื้นฟู ดียิ่งขึ้น แบบเร่งด่วน
ในแต่ละการทำทรีทเม้นท์หน้า อาจหมายรวมถึงหลาย ๆ วิธี หรือเพียงวิธีการเดียวก็ได้ เช่น การทำทรีทเม้นท์กระชับรูขุมขนด้วยการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ทาครีมบำรุง และนวดหน้า เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีอีกหลายวิธีในการทำทรีทเม้นท์หน้าให้เลือกใช้ซึ่งขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ เช่น ทรีทเม้นท์หน้าใส, ทรีทเม้นท์ลดรอยสิว, ทรีทเม้นท์ผลักวิตามิน, ทรีทเม้นท์ผิวหน้า เป็นต้น
ทรีทเม้นท์หน้าช่วยให้หน้าใส ลดสิวได้จริงหรือ ?
ทรีทเม้นท์หน้าใส จะช่วยบำรุงรักษาผิวหน้า โดยไม่เจาะจงปัญหาใดปัญหาหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นการให้ประโยชน์โดยรวมต่อผิวหน้าเพื่อทำให้ผิวหน้ากระจ่างใส เรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอ ในอีกทางหนึ่งก็ยังสามารถลดสิวอุดตัน สิวเสี้ยนได้
ทำทรีทเม้นท์หน้ามีวิธีไหนบ้าง ?
การทำทรีทเม้นท์หน้าคือ การดูแลใบหน้าซึ่งสามารถทำได้ด้วยตนเอง หรือทำในคลินิกโดยผู้เชี่ยวชาญ หากเป็นการทำทรีทเม้นท์หน้าด้วยตนเองก็ทำได้ด้วยการทำความสะอาดใบหน้า เปิดรูขุมขน สครับผิวให้ผลัดเซลล์เก่าทิ้ง นวดหน้าลดริ้วรอยทาครีมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ในขณะที่คลินิกมักนิยมทำทรีทเม้นท์หน้าดังต่อไปนี้ คือ
1. การทาครีมบำรุง
เป็นวิธีที่ทุก ๆ คนใช้เป็นประจำทุกวัน แต่นั่นให้ผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถึงแม้จะใช้ร่วมกับครีมกันแดดก็ตาม แต่ในกระบวนการทำทรีทเม้นท์หน้า จะมีการใช้ครีมต่าง ๆ เหล่านี้
- ครีมกระชับใบหน้า (Firming cream) ที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์ และคอลลาเจน
- เซรั่ม (Serum) หรือมอยเจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer) เพื่อคงความชุ่มชื้นให้ใบหน้า
- ควรใช้ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินซี วิตามินเอ ซึ่งใช้ร่วมกับวิธีการผลักวิตามินเพื่อให้ซึมซับเร็วขึ้น
2. ทรีทเม้นท์ผลักวิตามิน
ทรีทเม้นท์หน้าด้วยการใช้เครื่องมือ โฟโนโฟเรซิส (Phonophoresis) ที่ทำงานคล้ายอัลตร้าซาวด์ โดยการปล่อยคลื่นเสียงความถี่สูงลงบนผิวหน้าหลังจากได้ทาครีมบำรุงและวิตามินแล้ว ซึ่งจะช่วยให้ตัวยาและครีมซึมเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น แต่ข้อจำกัดของวิธีนี้คือ อาจต้องทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 3 สัปดาห์ขึ้นไป
หลังการนวดหน้าโดยใช้เครื่องผลักวิตามินแล้ว ก็ยังสามารถเลือกใช้มาสก์หน้ามาช่วยกระตุ้นผิวให้สร้างคอลลาเจน ผลัดเซลล์ บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น เช่น มาส์กทองคำ มาส์กหน้าคอลลาเจน มาส์กหน้าซากุระ เป็นต้น
นอกจากนี้การใช้เทคนิคที่เรียกว่า เมโส ทรีทเม้นท์ ซึ่งช่วยผลักสารอาหารผิวที่มีประจุไฟฟ้า เช่น พวกวิตามิน กรดอะมิโน เข้าสู่ผิวหน้า เพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างของเซลล์ใต้ผิวหนัง เพื่อให้ผิวได้รับสารอาหารที่มีคุณค่าเต็ม ๆ
3. ทรีทเม้นท์หน้าด้วยคลื่นวิทยุ (Radiofrequency therapy)
การทรีทเม้นท์หน้าด้วยคลื่นวิทยุเป็นการใช้อุปกรณ์ที่จะปล่อยคลื่นวิทยุไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินในชั้นผิวให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดผลดังนี้
- ผิวกระชับขึ้น ริ้วรอยดูจางลง
- ผิวที่คล้ำเสียจากแดดดูจางลง
- ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น
แต่ผลลัพธ์จะขึ้นกับสภาพของผิวหน้าในแต่ละคน และจำนวนครั้งที่ทำ
4. อัลตร้าซาวด์ยกกระชับผิว (Ultrasound skin tightening)
การทรีทเม้นท์หน้าวิธีนี้จะปล่อยคลื่นเสียงเพื่อให้ทำความร้อนในผิวที่ชั้นความลึกประมาณ 5 มม. ที่มีหน้าที่สร้างคอลลาเจน เพื่อทำให้ริ้วรอยดูจางลง ผิวหน้ากระชับขึ้น วิธีนี้สามารถปรับโฟกัสตำแหน่งได้เจาะจงมากกว่าวิธีเลเซอร์ ส่วนผลลัพธ์ก็ขึ้นกับแต่ละคนว่าจะใช้เวลาเท่าไร อาจจะภายใน 3-6 เดือน
5. ผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี (Chemical peels)
วิธีนี้จะใช้สารเคมีมาทาบนผิวหน้าแล้วทิ้งไว้สักระยะ แล้วจึงลอกออกพร้มเซลล์ผิวที่ตายแล้วด้วย การใช้วิธีนี้ควรอยู่ภายใต้การกำกับดูแลจากแพทย์ที่เชี่ยวชาญการทำทรีทเม้นหน้าเท่านั้น น้ำยาเคมีที่นำมาใช้ทรีทเม้นท์หน้ามีอยู่ 3 ระดับดังนี้
- Light chemical peels หรือกรดอัลฟา ไฮดรอกซี่ (Alpha-hydroxy acid) : มีฤทธิ์ซึมเข้าบริเวณผิวชั้นนอกเท่านั้น ที่อาจทำให้ผิวสว่างหรือคล้ำชั่วคราวได้
- Medium chemical peels หรือกรดไตรคลอโรอะซิติก (Trichloroacetic acid) : สามารถซึมเข้าผิวชั้นกลาง ทำให้ผลัดเซลล์ผิวมากขึ้น มีฤทธิ์ช่วยลดฝ้าได้
- Deep chemical peels ซึ่งมีส่วนผสมของสารเคมีฟีนอล (Phenol) : ทำหน้าผลัดเซลล์ผิวสูง และมีผลข้างเคียงสูง
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ควรทำผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมีทุก 4-6 สัปดาห์ เป็นประจำ
6. ผลัดเซลล์ผิวด้วยเลเซอร์ (Laser resurfacing)
การทรีทเม้นท์หน้าด้วยเลเซอร์ คือ การผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก ลบเลือนแผลเป็น ไฝ และริ้วรอยได้ พร้อมฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุการเกิดสิว
เลเซอร์ที่นิยมใช้กัน คือ เลเซอร์กลุ่มคิวสวิทช์ (Q-Switched), เลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 Laser) และเลเซอร์ประเภทเออร์เบียม (Laser erbium) และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการอาจจำเป็นต้องทำ 3 ครั้งขึ้นไป ต่อหนึ่งครั้งการทำโปรแกรมทรีทแม้นท์หน้า
สูตรทรีทเม้นท์หน้าต่าง ๆ
การทำทรีทเม้นท์หน้าใส ไร้ฝ้า ลดริ้วรอย ลดรอยหมองคล้ำ ฯลฯ จะมีอยู่หลาย ๆ วิธีซึ่งขึ้นกับการเลือกใช้ที่เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล ยกตัวอย่างเช่น
- ทรีทเม้นท์หน้าใส ไร้ฝ้า สูตร D-White (ราคาบริการประมาณ 3,500 บาท)
เป็นเทคโนโลยีใหม่ในการผลักยาโดยไม่ต้องใช้เข็ม ซึ่งเรียกว่า Dermal Injection Free (D-White) ที่ทำให้ผิวหนังเปิดออกชั่วคราวเพื่อเป็นช่องทางให้ยาลงไปใต้ผิวหนังในระดับที่ลึกกว่า ได้ปริมาณยามากเท่ากับการฉีดยา สำหรับยาที่ใช้รักษาฝ้าต้องมีคุณสมบัติในการลดสร้างเม็ดสี ยับยั้งการกระจายเม็ดสี และกระบวนการออกซิเดชั่น ไม่จำเป็นต้องเป็นสารเคมี เช่น พฤกษาสกัด เป็นต้น
- ทรีทเม้นท์หน้า ฟื้นฟู บำรุงผิว Color Ice (ราคาประมาณ 5,500 บาท)
เป็นนวัตกรรมการใช้พลังงานแสง LED 3 สีที่เย็นแบบสุด Cool ที่ช่วยบำรุงผิว ให้เรียบเนียน ทำให้ผิวแลดูกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ ลดริ้วรอย ลดการอักเสบของสิว
- ทรีทเม้นท์หน้า Skin Tightening Laser กระชับผิว (ราคาประมาณ 8,000 บาท)
คลื่นวิทยุที่อยู่ในเครื่อง Skin Tightening Laser เป็น Bipolar RF ที่ช่วยกระชับผิวชั้นลึก กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และบิดเกลียวคอลลาเจนเดิม ช่วยให้โครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้น กระชับและตึงขึ้น
เตรียมตัวก่อนทำทรีทเม้นท์หน้าอย่างไรดี
ก่อนที่จะทำทรีทเม้นท์หน้า ควรเลือกสถาบันที่เชื่อถือได้และมีใบรับรองที่ถูกต้อง เพื่อจะได้ขอคำปรึกษาคำแนะนำว่าควรเลือกทรีทเม้นท์หน้าแบบใดที่เหมาะกับสภาพผิว และตรงตามความต้องการของผู้เข้ารับบริการ
เมื่อได้เลือกสถานที่ที่จะเข้ารับบริการ ผู้ใช้บริการควรเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับทำทรีทเม้นท์หน้า เช่น ทำความสะอาด, ล้างเครื่องสำอาง และครีมทาผิวออกให้หมด เพื่อให้ผิวสะอาดหมดจดซึ่งจะช่วยให้ขั้นตอนต่าง ๆ ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
ทรีทเม้นท์หน้าใสที่ไหนดี ?
ใบหน้าเป็นสิ่งแรกที่ดึงดูดผู้คนให้เข้าหา ดังนั้นหากต้องการทำทรีทเม้นท์หน้าใส ก็ควรเลือกสถานบริการที่มีใบประกอบการถูกกฎหมาย ได้มาตรฐาน มีชื่อเสียงรับรอง มีความสะอาด พร้อมมีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำอย่างละเอียดก่อนทำทรีทเม้นท์หน้า รวมทั้งมีการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติ และประสิทธิภาพที่ชัดเจนไม่เป็นอันตรายต่อผิว ผลิตภัณฑ์มีความหลากหลายให้เลือกใช้เพื่อแก้ปัญหาของแต่ละสภาพผิวได้
เราจะขอแนะนำคลินิกรมย์รวินท์ที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปีในการให้บริการด้านความงาม ที่เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 11:00-21:00 น. สำหรับคนที่ต้องการทำทรีทเม้นท์หน้าใส ก็สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ 080-153-9000 หรือ 080-154-9000
ทำทรีทเม้นท์หน้าใส ราคาเท่าไหร่ ?
การทำทรีทเม้นท์หน้าราคาจะขึ้นอยู่กับการเลือกใช้วิธีทำทรีทเม้นท์หน้า และก็ยังขึ้นกับแต่ละสถานที่ที่เข้ารับบริการอีกด้วยโดยประมาณราคาการทำทรีทเม้นท์หน้าจะเริ่มต้นที่หลักร้อย จนถึงหลักพันต่อครั้ง
ทรีทเม้นท์หน้าทำอาทิตย์ละครั้งได้ไหม ?
การจะบำรุงผิวหน้าให้ได้ผลดีอย่างต่อเนื่องควรทำทรีทเม้นท์หน้าโดยผู้เชี่ยวชาญเป็นประจำติดต่อกันอาทิตย์ละครั้งเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง หลังจากนั้นอาจจะเปลี่ยนเป็น 2 อาทิตย์ต่อครั้งเพื่อให้สุขภาพผิวดูดีและไม่บางแต่การบำรุงหน้าด้วยครีม เซรั่ม และมาส์ก สมควรที่จะทำเป็นประจำทุก ๆ วัน