ใต้ตาดำคล้ำ ถุงใต้ตา ริ้วรอยรอบดวงตา… ปัญหาเหล่านี้ ทำให้ใบหน้าดูโทรมและแก่กว่าวัย ฟิลเลอร์ใต้ตา อาจเป็นคำตอบที่กำลังมองหา ด้วยเป็นทางลัดสู่ใต้ตาที่สวยใส อิ่มฟู และดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็ว ดังนั้น การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจึงกลายเป็นที่นิยมอย่างมาก แล้วฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร ช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง แล้วฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม มาหาคำตอบไปพร้อมกัน
ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร?
ฟิลเลอร์ (Filler) เป็นสารเติมเต็มที่นิยมใช้ในการปรับรูปหน้าและลดเลือนริ้วรอย โดยหลักการทำงานคือการเติมเต็มปริมาณที่สูญเสียไปใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวดูอิ่มฟู เรียบเนียน และมีมิติมากขึ้น โดยฟิลเลอร์ใต้ตามีส่วนประกอบหลัก คือ ไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) เป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกาย มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดีเยี่ยม ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและมีความยืดหยุ่น ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของฟิลเลอร์ที่นิยมใช้กันมากที่สุดในปัจจุบัน
กระบวนการทำงานของฟิลเลอร์ใต้ตา เริ่มจากเมื่อฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเข้าไปใต้ผิวหนัง โมเลกุลของไฮยาลูโรนิก แอซิดจะดึงดูดน้ำ ทำให้บริเวณที่ฉีดมีความชุ่มชื้นมากขึ้น ผิวจึงดูอิ่มฟู ริ้วรอยตื้นขึ้น และรูปหน้าดูมีมิติมากขึ้น นอกจากนี้ filler ใต้ตายังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนที่สำคัญในการทำให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่นได้ดีขึ้น
ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง?
ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นตัวช่วยที่ดีในการแก้ปัญหาใต้ตาที่เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนและไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้ใต้ตาดูคล้ำ หย่อนคล้อย และมีร่องลึก ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป ทำให้ใต้ตาดูอิ่มฟู เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยปัญหาใต้ตาที่ filler ใต้ตา แก้ได้ คือ
- ใต้ตาคล้ำ ฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยยกผิวใต้ตาให้สูงขึ้น ทำให้ดูสว่างขึ้น
- ถุงใต้ตา ช่วยเติมเต็มร่องใต้ตาให้ดูตื้นขึ้น
- ร่องน้ำตา ช่วยเติมเต็มร่องลึกบริเวณร่องน้ำตา
- เบ้าตาลึก ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยเติมเต็มเบ้าตาให้ดูตื้นขึ้น
- ใต้ตาหย่อนคล้อย ช่วยให้ผิวใต้ตาเต่งตึงขึ้น
แต่ปัญหาใต้ตาที่ฟิลเลอร์ใต้ตาแก้ไม่ได้ หรืออาจไม่ได้ผล เนื่องจาก
- ใต้ตาคล้ำจากพันธุกรรม ฟิลเลอร์ใต้ตาอาจช่วยได้บ้าง แต่ไม่สามารถแก้ไขได้ทั้งหมด
- ใต้ตาคล้ำจากการพักผ่อนน้อย จำเป็นต้องปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต
- ใต้ตาคล้ำจากโรคบางชนิด ซึ่งต้องรักษาโรคต้นเหตุ
- ผิวใต้ตาบางมาก อาจเห็นรอยเข็ม หรือ filler ใต้ตากระจายตัวไม่เท่ากัน
ดังนั้น หากต้องการผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้เป็นไปอย่างที่ต้องการ ดูเป็นธรรมชาติ ต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ร่วมด้วย เช่น เทคนิคของแพทย์ เลือกชนิดของ filler ใต้ตาที่เหมาะสม ปริมาณฟิลเลอร์ ชนิดของฟิลเลอร์ และสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ฟิลเลอร์ใต้ตามีหลายรุ่นหลายยี่ห้อให้เลือกใช้
การเลือกฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะบริเวณใต้ตาเป็นผิวที่บอบบางและมีความละเอียดอ่อน ดังนั้น จึงควรเลือกฟิลเลอร์ใต้ตาที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับบริเวณใต้ตาโดยเฉพาะ ได้แก่
- ฟิลเลอร์ใต้ตาที่มีเนื้อละเอียดจะช่วยให้การกระจายตัวใต้ผิวได้ดีขึ้น ไม่ก่อให้เกิดการจับตัวเป็นก้อน หรือมองเห็นรอยเข็ม
- filler ใต้ตา ที่มีความหนาแน่นปานกลาง ฟิลเลอร์ที่หนาแน่นเกินไปอาจทำให้ใต้ตาดูบวม ไม่เป็นธรรมชาติ ในขณะที่ฟิลเลอร์ที่บางเกินไปอาจไม่คงรูปได้ดี
- ฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูงจะช่วยให้ผิวใต้ตากระทบกระเทือนได้ดีขึ้น ไม่แตกง่าย
- ฟิลเลอร์ใต้ตาต้องได้รับการรับรองจาก อย. และมีการศึกษาทางคลินิกที่ยืนยันความปลอดภัย
แล้วควรเลือกฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี ยกตัวอย่างยี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ที่นิยมใช้สำหรับใต้ตา เช่น
- Juvéderm เป็นหนึ่งในแบรนด์ฟิลเลอร์ใต้ตาที่ได้รับความนิยมสูง มีหลายรุ่นให้เลือก เช่น
- Juvéderm Volbella มีเนื้อฟิลเลอร์ละเอียด เหมาะสำหรับเติมเต็มร่องลึกและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
- Juvéderm Volite ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้กับผิวใต้ตา
- Restylane อีกหนึ่งแบรนด์ฟิลเลอร์ใต้ตาที่ได้รับความนิยม มีหลายรุ่นให้เลือก เช่น
- Restylane Vital Light มีเนื้อฟิลเลอร์ละเอียด เหมาะสำหรับเติมเต็มร่องลึกและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
- Restylane Vital ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้กับผิวใต้ตา
- Belotero มีเนื้อฟิลเลอร์ใต้ตาที่นุ่มและยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับการฉีดบริเวณที่ต้องการความละเอียดอ่อน
ระวังเจอฟิลเลอร์ใต้ตาปลอม อาจเป็นอันตรายได้
การใช้ฟิลเลอร์ใต้ตาปลอมเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความสวยงามในระยะยาวได้ การเลือกสถานที่ฉีดฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิดได้ เช่น
- การติดเชื้อ filler ใต้ตาปลอมมักผลิตในสภาพที่ไม่สะอาด ทำให้มีโอกาสปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ หรือเกิดแผลเป็น
- ฟิลเลอร์ใต้ตาปลอมอาจเคลื่อนย้ายไปอุดตันเส้นเลือด ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น ตาบอด
- ฟิลเลอร์ปลอมอาจไม่สลายตัวตามธรรมชาติ ทำให้เกิดก้อนแข็งใต้ผิวหนัง ทำให้ใบหน้าผิดรูป
- การแพ้ สารเคมีที่ปนเปื้อนในฟิลเลอร์ใต้ตาปลอมอาจทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรง
- ฟิลเลอร์ปลอมอาจไม่ให้ผลลัพธ์ที่ต้องการ หรืออาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์อื่นๆ
ดังนั้น จึงควรเลือกสถานที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้อย่างปลอดภัย เช่น
- สถานพยาบาลหรือคลินิกที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข จะมีมาตรฐานในการดำเนินงานและความปลอดภัย
- ควรเลือกสถานที่ที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามโดยตรง หรือแพทย์ที่มีใบอนุญาตในการทำหัตถการ
- สถานที่ที่ได้มาตรฐานจะมีอุปกรณ์และเครื่องมือที่สะอาดและผ่านการฆ่าเชื้อ
- สอบถามเกี่ยวกับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ใต้ตาที่ใช้ ควรขอใบรับรองของผลิตภัณฑ์
- สถานที่ที่ดีจะมีการให้คำแนะนำในการดูแลหลังการฉีดอย่างละเอียด เช่น หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ห้ามอะไรบ้าง
ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน แก้ไขได้อย่างไร
ปัญหาฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา โดยเฉพาะในบริเวณใต้ตา ซึ่งเป็นผิวที่บอบบางและมีเส้นเลือดฝอยจำนวนมาก หากฉีดฟิลเลอร์ไม่ถูกวิธีหรือฟิลเลอร์กระจายตัวไม่เท่ากัน อาจทำให้เกิดก้อนขึ้นได้ แต่ถ้าหากฟิลเลอร์ที่ฉีดไปเป็น ไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายสร้างขึ้นเองตามธรรมชาติ และมักใช้ในฟิลเลอร์ทั่วไป ปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนสามารถแก้ไขได้
วิธีการแก้ไขที่นิยมใช้ คือ การฉีดสารไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) เข้าไปในบริเวณที่เป็นก้อน สารชนิดนี้มีหน้าที่สลายโมเลกุลของไฮยาลูโรนิกแอซิด ทำให้ filler ใต้ตาที่เป็นก้อนค่อย ๆ ละลายและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้
ฟิลเลอร์ใต้ตา เติมเต็มใต้ตาให้สวยเป๊ะ
ฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การฉีดสารเติมเต็ม (ส่วนใหญ่เป็นไฮยาลูโรนิก แอซิด) เข้าไปใต้ตา เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เช่น ริ้วรอยใต้ตา ถุงใต้ตา ใต้ตาคล้ำ ทำให้ใต้ตาดูอิ่มฟู เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์ขึ้น ผลลัพธ์จะเห็นได้ทันทีหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นการเสริมการงามโดยที่ไม่ต้องผ่าตัด แต่เพื่อความปลอดภัย ควรใช้ filler ใต้ตาที่ได้รับอนุญาตและฉีดใต้ตาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์อย่างเป็นธรรมชาติและมีความปลอดภัย