Line chat

ICSI คืออะไร การรักษาทางเลือกสำหรับผู้มีบุตรยาก

ICSI คือ

การมีบุตรเป็นความฝันของคู่รักหลายคู่ แต่สำหรับบางคู่ การตั้งครรภ์กลับเป็นเรื่องยากลำบาก มีบุตรยากอาจเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งในฝ่ายชายและฝ่ายหญิง หากคู่รักกำลังเผชิญกับปัญหานี้ ICSI อาจเป็นทางเลือกหนึ่งน่าสนใจ โดย Intracytoplasmic Sperm Injection หรือ ICSI คือ เทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ ช่วยให้คู่รักมีโอกาสเป็นพ่อแม่ได้มากขึ้น โดยนำสเปิร์มฉีดเข้าไปในเซลล์ไข่โดยตรง เพิ่มโอกาสในการทำลูก

บทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกันการทำอิ๊กซี่ ได้แก่ ICSI คืออะไร อิ๊กซี่เหมาะกับใคร และข้อดีข้อเสียของ ICSI มีอะไรบ้าง ข้อมูลนี้จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเกี่ยวกับวิธีทำลูกมากยิ่งขึ้น เป็นข้อมูลช่วยตัดสินใจเข้ารับการรักษาอย่างครบถ้วน



“อิ๊กซี่” หรือ ICSI คืออะไร

อิ๊กซี่ หรือ ICSI คือ เทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ที่ได้รับความนิยม เพื่อใช้รักษาภาวะมีบุตรยาก โดยเป็นกระบวนการที่นำสเปิร์มตัวแข็งแรงที่สุด ฉีดเข้าไปในเซลล์ไข่โดยตรง ช่วยเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิ มีขั้นตอนการทํา ICSI ต่าง ๆ ดังนี้

  1. เตรียมตัว: ทั้งชายและหญิงจะต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างละเอียด เพื่อประเมินภาวะสุขภาพโดยรวม ตรวจหาสาเหตุของการมีบุตรยาก จากนั้นจึงวางแผนวิธีรักษาที่เหมาะสม ฝ่ายหญิงจะต้องรับยาในการกระตุ้นให้รังไข่สร้างไข่หลายฟองไว้เก็บไข่ ICSI ในขณะที่ฝ่ายชายจะต้องเก็บตัวอย่างอสุจิ
  2. เจาะดูดไข่: เมื่อไข่สุกได้ขนาดไข่ที่เหมาะสม ICSI แพทย์ผู้เชี่ยวชาญการทำอิ๊กซี่จะใช้เข็มดูดไข่ออกมาจากรังไข่ ผ่านทางช่องคลอด โดยผู้รับการรักษาจะได้รับยาสลบ ลดความเจ็บปวด
  3. เก็บตัวอย่างอสุจิ: ฝ่ายชายจะให้ตัวอย่างอสุจิ ซึ่งอาจทำได้โดยหลั่งออกมาเอง หรือสกัดจากอัณฑะ
  4. ปฏิสนธิ: แพทย์ผู้เชี่ยวชาญการทำอิ๊กซี่จะคัดเลือกสเปิร์มมีคุณภาพดีที่สุด ก่อนใช้เข็มขนาดเล็กฉีดเข้าไปในเซลล์ไข่แต่ละฟองโดยตรง ภายใต้กล้องจุลทรรศน์มีกำลังขยายสูง กระบวนการนี้เรียกว่า ICSI
  5. เพาะเลี้ยงตัวอ่อน: หลังจากการปฏิสนธิ ไข่จะถูกนำไปเลี้ยงในห้องปฏิบัติการ เพื่อให้เจริญเติบโตเป็นตัวอ่อน โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 3-5 วัน
  6. ย้ายตัวอ่อน: เมื่อตัวอ่อนเจริญเติบโตถึงระยะที่เหมาะสม ถึงขั้นตอนการใส่ตัวอ่อน ICSI แพทย์จะนำตัวอ่อนย้ายเข้าสู่โพรงมดลูกของฝ่ายหญิง โดยใช้ท่อขนาดเล็กผ่านทางช่องคลอด
  7. ติดตามผล: หลังจากย้ายตัวอ่อน ประมาณ 14 วัน ผู้ป่วยจะต้องตรวจเลือด เพื่อตรวจหาฮอร์โมนการตั้งครรภ์ หากผลตรวจเป็นบวก แสดงว่าการทำ ICSI คือ ประสบความสำเร็จ

ทั้งนี้ ขั้นตอนการทํา ICSIทั้งหมดนี้จะใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ โดยระยะเวลาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและปัจจัยอื่น ๆ


การทำ ICSI เหมาะกับใคร

การทำอิ๊กซี่

ICSI คือเทคโนโลยีช่วยเพิ่มโอกาสในการทำลูก จึงเป็นทางเลือกสำหรับคู่รักที่มีปัญหาในการมีบุตรตามธรรมชาติ แต่การทำอิ๊กซี ไม่ได้เหมาะกับทุกคน การตัดสินใจทำ ICSI จำเป็นต้องพิจารณาจากปัจจัยหลายอย่าง โดยเฉพาะสาเหตุของการมีบุตรยาก ซึ่งได้แก่

  • ผู้มีปัญหาเรื่องคุณภาพของสเปิร์ม: เช่น จำนวนสเปิร์มน้อย สเปิร์มเคลื่อนไหวช้า หรือสเปิร์มผิดรูป
  • ผู้มีปัญหาเรื่องไข่: เช่น ไข่มีคุณภาพไม่ดี หรือมีไข่ตกน้อย
  • ผู้มีประวัติการปฏิสนธิในหลอดทดลองไม่สำเร็จ: การทำอิ๊กซี อาจช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์
  • ผู้มีปัญหาเรื่องท่อนำไข่: หากท่อนำไข่อุดตันหรือมีปัญหา การทำ ICSI คือหนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้ไข่กับสเปิร์มปฏิสนธิเจริญเติบโตได้ในห้องปฏิบัติการก่อนนำไปฝังตัวในมดลูก
  • ผู้มีประวัติแท้งซ้ำ ๆ: ทำ ICSI อาจช่วยตรวจสอบความผิดปกติของตัวอ่อน ก่อนนำไปฝังตัวในมดลูก

อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจทําอิ๊กซี่ คือต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ประเมินสภาพร่างกายและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม


ข้อดีของการทำ ICSI

ข้อดีของการทำ ICSI คือ

  • เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์: ICSI ช่วยเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะผู้มีปัญหาเรื่องสุขภาพ
  • แก้ปัญหาภาวะมีบุตรยาก: ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องจำนวนสเปิร์มน้อย คุณภาพของไข่ต่ำ หรือท่อนำไข่อุดตัน
  • คัดเลือกตัวอ่อนมีคุณภาพ: แพทย์ผู้เชี่ยวชาญการทำอิ๊กซี่สามารถตรวจสอบคุณภาพของตัวอ่อนก่อนนำไปฝังตัวในมดลูก ช่วยลดความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ที่ไม่สมบูรณ์
  • เก็บรักษาตัวอ่อนได้: ตัวอ่อนที่ได้จากการทำ ICSI สามารถแช่แข็งเก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในอนาคต
  • เหมาะผู้ทำ IVF ไม่สำเร็จ: สำหรับผู้เคยทำ IVF หลายครั้งแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ICSI ถือเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
  • ทำหมันแล้วอยากมีลูก: สำหรับคู่รักที่เคยทำหมัน สามารถทำอิ๊กซี่ เพื่อมีบุตรได้
  • ลดความเสี่ยงถ่ายทอดโรคทางพันธุกรรม: สามารถตรวจสอบความผิดปกติทางพันธุกรรมของตัวอ่อนก่อนนำไปฝังตัว

ข้อเสียของการทำ ICSI

แม้ว่าการทำ ICSI คือทางเลือกที่ดีสำหรับผู้มีปัญหาในการมีบุตร แต่ก็มีข้อเสียและความเสี่ยงบางประการที่ควรทราบก่อนตัดสินใจ การทำอิ๊กซี่ไม่ได้การันตีว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไป และอาจมีผลกระทบต่อทั้งร่างกายและจิตใจของผู้เข้ารักษา ดังนั้นจึงควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ ซึ่ง

ข้อเสียของอิ๊กซี่มีดังนี้

  • ค่าใช้จ่ายสูง: การทําอิ๊กซี่ ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ไม่ครอบคลุมจากประกันสุขภาพ
  • กระบวนการที่ยุ่งยาก: ต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวและติดตามผล
  • ผลข้างเคียงจากยากระตุ้นรังไข่: อาจทำให้เกิดภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป (OHSS)
  • ความเสี่ยงจากเจาะดูดไข่: อาจเกิดการติดเชื้อหรือบาดเจ็บได้
  • ความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์แฝด: ย้ายตัวอ่อนหลายตัวอาจเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์แฝด ซึ่งมีความเสี่ยงต่อสุขภาพของแม่และเด็ก
  • ความเสี่ยงต่อการแท้ง: แม้ว่าจะทำ ICSI แล้ว แต่ก็ยังมีความเสี่ยงต่อการแท้งได้เสมอ
  • ความเครียดทางอารมณ์: กระบวนการทำอิ๊กซี่อาจทำให้เกิดความเครียด
  • ความผิดปกติทางพันธุกรรม: แม้จะมีการตรวจสอบคุณภาพของตัวอ่อน แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่ตัวอ่อนจะมีความผิดปกติทางพันธุกรรม

ดังนั้นก่อนตัดสินใจทำ ICSI ควรประเมินถึงข้อดีข้อเสีย และเตรียมตัวทั้งทางร่างกายและจิตใจให้พร้อม


ความสำคัญของ ICSI

ทําอิ๊กซี่ คือ

ICSI คือวิธีการทำลูกวิธีหนึ่ง เหมาะสำหรับคู่รักที่มีปัญหาในการมีบุตรตามธรรมชาติ เทคโนโลยีอิ๊กซี่จะเข้ามาช่วยเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเรื่องคุณภาพของสเปิร์ม หรือมีภาวะมีบุตรยากอื่น ๆ นอกจากนี้ ICSI ยังสามารถคัดเลือกตัวอ่อนที่มีคุณภาพดีที่สุด เพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ที่แข็งแรงปลอดภัย ทำความฝันของการมีลูกให้เป็นจริง