การตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากกระบวนการที่เมื่อไข่ของฝ่ายหญิงได้ปฏิสนธิกับอสุจิของฝ่ายชายหลังจากมีเพศสัมพันธ์ โดยเมื่อเริ่มตั้งครรภ์จะมีอาการคนท้องแรก ๆ ซึ่งสังเกตได้จากการขาดประจำเดือน คลื่นไส้อาเจียน เหนื่อยล้าอ่อนเพลีย เวียนศีรษะ หรือเบื่ออาหาร เป็นต้น โดยจากที่กล่าวมาล้วนแล้วแต่เป็นอาการคนท้องที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ซึ่งเมื่อเกิดเหมือนอาการคนท้องดังที่กล่าวมาแล้ว ต้องรีบตรวจเบื้องต้นว่าตั้งครรภ์จริงหรือไม่ หากตั้งครรภ์จริงก็ต้องศึกษาข้อควรระวังที่ตามมา และเข้าไปปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ ในบทความนี้จะมากล่าวถึงอาการคนท้องในระยะต่าง ๆ พร้อมบอกข้อควรระวังเมื่อมีอาการตั้งครรภ์เพื่อสามารถผ่านช่วงเวลา 9 เดือนไปได้อย่างปลอดภัยทั้งคุณแม่และลูก
อาการคนท้องคืออะไร และระยะแรก 1-2 สัปดาห์ เป็นอย่างไร
อาการคนท้อง คืออาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์ซึ่งในแต่ละคนจะเริ่มแสดงอาการในระยะเวลาที่แตกต่างกันไป เช่น 3 วัน, 1 สัปดาห์, 1 เดือน, 2 เดือน หรือแม้กระทั่งไม่แสดงอาการจนต้องสังเกตจากท้องที่โตขึ้นก็มี ตัวอย่างอาการคนท้องระยะแรก 1-2 สัปดาห์ เช่น
- การขาดประจำเดือน ซึ่งประจำเดือนของผู้หญิงจะมีระยะเวลาประมาณ 21-35 วัน โดยปกติ แต่หากประจำเดือนเกิดขาดหายไปนานเกินกว่า 10 วัน ก็อาจเป็นอาการคนท้องแบบหนึ่งได้
- เกิดการตกขาวมากกว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายหลังจากตั้งครรภ์
- มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อยทางช่องคลอด ซึ่งไม่ใช่ประจำเดือน โดยเกิดขึ้นได้หลังจากเกิดการปฏิสนธิ 11-12 วัน และเลือดนี้จะหยุดไหลไปเองภายใน 1-2 วัน
- เต้านมมีการเปลี่ยนแปลง โดยหัวนมจะมีสีเข้มหรือคล้ำและขยายใหญ่ขึ้น อาจมีอาการเจ็บตึงด้วย เกิดจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน
- ปวดหัวและวิงเวียนศีรษะ ในอาการคนท้องระยะแรกสามารถเกิดได้จากฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งจะปวดมากหรือปวดน้อยก็ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน
- ปวดหลังหรือเจ็บบริเวณหลังช่วงล่างแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งเกิดจากการขยายตัวของกล้ามเนื้อส่วนกลาง ที่เป็นผลมาจากมดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการตั้งครรภ์
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของอาการคนท้องในระยะแรก ซึ่งต้องหมั่นสังเกตอาการเพื่อสามารถที่จะดูแลสุขภาพของตัวคุณแม่และลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อควรระวังของอาการคนท้องมีอะไรบ้าง
ในบางครั้งอาจเกิดอาการคนท้องไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายเป็นอย่างมากเพราะอาจเกิดอันตรายได้หากไม่มีการดูแลตัวเองได้ดีพอ โดยมีข้อควรระวังบางประการที่ควรให้ความสนใจและทำตาม ได้แก่
- ตรวจร่างกายและรับคำปรึกษาจากแพทย์ที่เหมาะสมเมื่อเกิดอาการคนท้อง การรับคำปรึกษาจากแพทย์มีความสำคัญเพื่อความปลอดภัยของทั้งแม่และลูก
- การใช้ยาต่าง ๆ ควรระวังและควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงสุขภาพและอาการคนท้องของแม่ เพื่อให้แพทย์สามารถรักษาได้อย่างเหมาะสม
- การรับประทานอาหารที่สมบูรณ์และมีประโยชน์สำหรับคนท้องเป็นสิ่งสำคัญ ควรหลีกเลี่ยงอาหารหรือสารอาหารที่มีความเสี่ยงสำหรับคนท้อง
- ควรรักษาความสะอาดของตัวเองและสิ่งแวดล้อมในระหว่างการตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่อาจมีผลกระทบต่อการตั้งครรภ์
- การออกกำลังกายที่เหมาะสมสามารถทำได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
- พิจารณาการลดเวลาทำงานหรือการหยุดงานในช่วงบางระยะที่เกิดอาการคนท้อง โดยขึ้นอยู่กับสภาพการณ์สุขภาพและการตั้งครรภ์
- การควบคุมน้ำหนักในระยะการตั้งครรภ์ควรทำในลักษณะที่แม่และแพทย์คิดว่าเหมาะสม
- ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณที่มีส่วนผสมที่ปลอดภัยสำหรับคนท้อง
จากข้อควรระวังที่กล่าวมาจะทำให้คุณแม่สามารถที่จะใช้ชีวิตระวังการตั้งครรภ์ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น
อาการคนท้องในระยะต่าง ๆ มีอะไรบ้าง
จากที่กล่าวมาแล้วอาการคนท้องที่เกิดขึ้นนั้น จะสามารถบอกเราได้แต่เนิ่น ๆ ว่าเรามีการตั้งครรภ์หรือไม่ ซึ่งหากหมั่นสังเกตอาการและรู้ผลเร็ว ก็จะสามารถรับมือ รวมถึงวางแผนที่จะดูแลสุขภาพได้เป็นอย่างดี โดยอาการของคนท้องในระยะต่าง ๆ เช่น
- โดยอาการคนท้อง 3 วัน ซึ่งจะยังไม่แสดงอาการท้องใดมากนัก เพราะอย่างน้อยต้องใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ขึ้นไป
- จากนั้นเป็นอาการคนท้อง 1 สัปดาห์-2 สัปดาห์ ซึ่งจะเป็นอาการคนท้องแรก ๆ โดยอาจจะมีอาการปวดศีรษะจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน รวมถึงอาการปวดหลังเนื่องจากการขยายตัวของกล้ามเนื้อส่วนกลาง ที่เป็นผลมาจากมดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการตั้งครรภ์ เพื่อความมั่นใจควรตรวจกับแพทย์เพื่อให้ได้ผลที่แน่นอน
- อาการตั้งครรภ์ 1 เดือนขึ้นไป จะมีการขาดประจำเดือน รวมถึงอารมณ์แปรปรวน อาการคัดเต้านม คลื่นไส้ เหนื่อยล้า เป็นต้น
จากอาการที่กล่าวมา ต้องหมั่นดูแลตัวเองตั้งแต่เริ่มรู้ตัวว่าตั้งครรภ์จนถึงคลอดบุตร เพื่อความปลอดภัยของแม่และลูกน้อย
สรุปอาการคนท้อง
อาการคนท้อง เป็นเหล่าอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในระหว่างการตั้งครรภ์ โดยอาการคนท้องเริ่มแรก จะเป็นอาการปวดศีรษะและปวดหลังซึ่งเกิดจากฮอร์โมนร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไป ตามมาด้วยการขาดของประจำเดือน อารมณ์แปรปรวน อาการคัดเต้านม คลื่นไส้ เหนื่อยล้า ซึ่งควรเข้าปรึกษาแพทย์เพื่อช่วยดูอาการระหว่างตั้งครรภ์ให้ปลอดภัยทั้งแม่และลูก