Line chat

โบท็อก (Botox) คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร ฉีดแล้วดีหรือไม่

การฉีดโบท็อก

ใบหน้าเป็นส่วนที่สำคัญ ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าจึงเป็นเรื่องใหญ่อย่างมากต่อผู้ที่ต้องพบปะผู้คนในสังคม ซึ่งจากปัญหาดังกล่าว ทำให้เราต้องมาวิธีทำให้ริ้วรอยลดลง และช่วยบำรุงผิวหน้าให้ดูดีขึ้นทั้งรูปร่างและสภาพผิว หนึ่งในวิธีที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันคือการฉีดโบท็อก (botox)

โบท็อก (botox) เป็นนวัตกรรมที่นิยมใช้สำหรับลดริ้วรอย ยกกระชับลำคอ และใบหน้า รวมถึงลดขนาดของกล้ามเนื้อบริเวณต่าง ๆ เช่น กรามและน่อง เป็นวิธีเสริมความงามที่มาแรงและได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง อาจจะเพราะโบท็อกซ์เป็นวิธีที่ช่วยตอบโจทย์ผู้ที่รักสวยรักงามแบบทันใจเพราะเห็นผลภายใน 3-7 วัน

แล้วฉีดโบท็อกดีไหม เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย ซึ่งการฉีดโบท็อกหลัก ๆ จะช่วยปรับรูปหน้า ฟื้นฟูผิว และลดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี และจะมีความปลอดภัยมากขึ้นหากรักษากับแพทย์ที่มีประสบการณ์จะมีความรู้ด้านโครงสร้างผิว รวมถึงมีใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข


โบท็อก คืออะไร

น้ำโปรตีนโบท็อก

ซึ่งโบท็อก (botox) คือ โปรตีนชนิดหนึ่งมีชื่อทางการแพทย์ เรียกว่า “Botulinum Toxin A” โดยเป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) เพราะฉะนั้นการฉีดโบท็อก คือ การฉีดเข้าที่ผิวหนังบริเวณใบหน้าเพื่อลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย และปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับตามใจต้องการ 

แต่หากรับเชื้อโรคนี้มากเกินไปจะทำให้อาหารเป็นพิษ หรือเกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง จึงควรได้รับในปริมาณน้อย ๆ อย่างพอเหมาะ จะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวอันเป็นผลดีกับวงการแพทย์ ซึ่งเริ่มแรกได้นำสารโบท็อกนี้มาใช้ในการรักษาโรคตาเหล่ ตาเข และพัฒนาต่อมาใช้ในวงการเสริมความงาม ช่วยให้ริ้วรอยต่างๆ ลดลงและทำให้ผิวหน้าดูเด็ก กระชับขึ้น

โบท็อกนั้นสามารถให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจได้ภายในระยะเวลาที่รวดเร็ว อีกทั้งยังสร้างความมั่นใจให้กับผู้มีปัญหาได้เป็นอย่างดี เช่น ทำให้เรารู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวหดตัว ตึง และชาจนไม่สามารถขยับได้ และเมื่อฉีดโบท็อกไปสักครู่ กล้ามเนื้อส่วนที่ฉีดก็จะค่อย ๆ คลายตัวออกมาและทำให้ร่องลึกของริ้วรอยบนใบหน้าดูจางลง 


โบท็อก (Botox) มีหลักการทำงานอย่างไร 

โดยโบท็อกเป็นน้ำโปรตีนใส ๆ ที่ฉีดเข้าสู่บริเวณกล้ามเนื้อ โดยหลักการทำงานคือจะไปรบกวนการทำงานของระบบประสาท โดยการจับกับปลายประสาท ทำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทมาที่กล้ามเนื้อได้ มีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานลดลงชั่วคราว ผิวหนังก็จะตึงขึ้น ริ้วรอยต่าง ๆ จะลดลง ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยใหม่ สามารถเห็นผลลัพธ์หลังการฉีดได้ภายใน 2–3 วัน สำหรับริ้วรอยตื้นๆ และรอยลึกจะเริ่มเห็นผลประมาณ 7–14 วัน 

ซึ่งหลังการฉีดผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 6–8 เดือน หลังจากนั้นริ้วรอยจะกลับมาเหมือนเดิม นอกจากนี้จะมีน้ำโปรตีนโบท็อกบางส่วนที่ไม่ถูกดูดซึมเข้าไปเก็บไว้ในเซลล์ประสาท จะปลิวไปตามกระแสเลือดในระยะเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงหลังฉีด และถูกขับออกไปโดยไม่ส่งผลต่อเซลล์อื่นในร่างกาย

หลักการทำงานของโบท็อก

โบท็อกช่วยอะไรได้บ้าง

โดยการฉีดโบท็อกสามารถช่วยในเรื่องอื่น ๆ นอกจากช่วยให้ใบหน้าดูเต่งตึงและลดเลือนริ้วรอย เช่น

  • ช่วยยกกระชับผิวหน้าที่หย่อนคล้อย และเพิ่มความเต่งตึงให้กับผิวหนังทันทีหลังทำ โดยไม่ต้องพักฟื้น
  • ช่วยปรับลดขนาดกล้ามเนื้อให้ดูเล็ก ปรับใบหน้าให้เล็กและเรียวขึ้นและทำให้ดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น
  • ช่วยเติมเต็มร่องลึกทุกส่วนบนใบหน้า ช่วยให้รูขุมขนเล็กลงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่องแก้ม ต่อมไขมันลดขนาด ส่งผลให้ผิวเรียบเนียนขึ้น

ฉีดโบท็อกบริเวณไหนได้บ้าง

ฉีดโบท็อกบริเวณไหนได้บ้าง

โดยบริเวณที่สามารถฉีดโบท็อกได้ มีอยู่หลายที่ เช่น กราม ปีกจมูก ระหว่างคิ้ว ลิฟกรอบหน้า หน้าผาก และหางตา เป็นต้น โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • โบท็อกกราม เป็นการฉีดโบท็อกเพื่อลดกราม ช่วยให้หน้าเรียว สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอย และรอยย่นในบริเวณใกล้เคียง เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าของใบหน้า โดยแพทย์จะทำการประเมินว่าคนไข้ที่อยากหน้าเรียว มีปัญหาจากจุดไหน จากกระดูก กล้ามเนื้อหรือว่าไขมัน เพื่อแนะนำหัตถการที่เหมาะสม
  • โบท็อกปีกจมูก เป็นการฉีกโบท็อกเข้าไปตรงบริเวณปีกจมูกทั้ง 2 ข้าง จะช่วยคลายกล้ามเนื้อมัดนี้ เพื่อลดขนาดปีกจมูกให้ดูแคบลง เมื่อพูดหรือหายใจแรง ๆ ปีกจมูกจะไม่กางออก รูจมูกดูแคบมากขึ้น และเมื่อกล้ามเนื้อคลายตัวก็จะไม่ทำให้จมูกบาน ปีกจมูกจะเรียวลงอย่างเป็นธรรมชาติ
  • โบท็อกระหว่างคิ้ว เป็นการฉีกโบท็อกที่นิยมสำหรับคนที่มีปัญหารอยย่นระหว่างคิ้ว เพราะสามารถลดรอยย่น หรือริ้วรอยระหว่างคิ้วได้อย่างชัดเจน ดูธรรมชาติ และเห็นผลไวกว่าการทาครีมบำรุง 
  • โบท็อกลิฟกรอบหน้า เป็นการฉีกโบท็อกเพื่อให้ผิวหน้าเกิดการยกกระชับ ช่วยเพิ่มมิติให้แก่ใบหน้า ให้ผิวบริเวณรอบ ๆ กรอบหน้ายกกระชับขึ้น ทำให้เห็นรูปหน้าคมขึ้น สวยขึ้น รวมถึงเพื่อคลายกล้ามเนื้อส่วนคอ โดยฉีดบริเวณกรอบหน้า ใต้คาง จะได้ดึงแก้มให้น้อยลงและลิฟกรอบหน้าให้ดูคมชัดขึ้น
  • โบท็อกหน้าผาก เป็นการฉีกโบท็อกเพื่อทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าผากคลายตัว ส่งผลให้ริ้วรอยบริเวณหน้าผากหายไป เวลาที่ขยับหน้าหรือแสดงสีหน้าต่าง ๆ ก็ไม่เกิดการพับของผิว
  • โบท็อกหางตา เป็นการฉีกโบท็อกที่ช่วยรักษาริ้วรอย บริเวณรอบดวงตาที่เป็นริ้วเล็ก ๆ รวมถึงรอยตีนกา ทั้งรอยตีนกาหรือแม้แต่ถุงใต้ตา จะเริ่มหย่อนคล้อยเมื่ออายุมากขึ้น

ฉีดโบท็อกดีไหม? 

โดยการฉีดโบท็อกนั้น เป็นเรื่องที่ดี เพราะสามารถแก้ไขปัญหาใบหน้าได้หลากหลาย ทั้งช่วยลดริ้วรอย ช่วยปรับรูปหน้าเรียว และช่วยฟื้นฟูผิวอีกด้วย ซึ่งการฉีดโบท็อกมีความปลอดภัย โดยได้รับความยอมรับจากวงการแพทย์ เนื่องจากโบท็อกเป็นสารที่ฉีดเข้าร่างกาย แต่ก็สามารถสลายได้เองภายในระยะเวลา

6 – 12 เดือน โดยไม่มีสารตกค้าง และไม่อันตรายต่อร่างกาย

ซึ่งการฉีดโบท็อกนั้น หากเป็นโบท็อกแท้ที่ได้มาตรฐาน จะไม่มีผลข้างเคียงถาวร สามารถสลายเองได้ 100% ไม่มีสารตกค้าง มีความปลอดภัยสูง แต่ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแพทย์ที่ฉีดโบท็อก หากแพทย์มีความชำนาญ ก็จะไม่มีผลข้างเคียงหรือเป็นอันตราย เช่น อาการปวดศีรษะ รอยช้ำบริเวณหางตา อาการปวดบวมบริเวณที่ฉีด เป็นต้น โดยอาการเหล่านี้มักจะหายไปเองใน 1-2 สัปดาห์


โบท็อกราคาเท่าไหร่ 

โดยราคาของโบท็อกจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่เลือกใช้ โดยทั้งนี้ขึ้นอยู่ตามแต่ที่คลินิกได้ตั้งเอาไว้ และรวมถึงวัตถุประสงค์ของการใช้ด้วย เช่น

  • โบท็อกลดกราม ปรับรูปหน้า ในปริมาณ 
  1. 100 Unit จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 8,000 บาท
  2. 300 Unit จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 14,000 บาท
  • โบท็อกลดริ้วรอย ทำให้หน้าเรียวทั่วหน้า ในปริมาณ 
  1. 50 Unit จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 6,000 บาท
  2. 100 Unit จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 9,000 บาท
  3. 150 Unit จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 11,000 บาท
  4. 300 Unit จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 17,000 บาท
  • โบท็อกลดเหงื่อที่รักแร้ ในปริมาณ 
  1. 100 Unit จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 9,000 บาท
  2. 150 Unit จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 12,000 บาท
  3. 200 Unit จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 15,000 บาท
  4. 300 Unit จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 18,000 บาท
  5. 600 Unit จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 23,000 บาท
  • โบท็อกบริเวณต้นแขนและน่อง
  1. 150 Unit จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 12,000 บาท
  2. 200 Unit จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 19,000 บาท
  3. 600 Unit จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 25,000 บาท

ทั้งนี้ราคาต่าง ๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับช่วงและโปรโมชันของคลินิกที่ท่านเลือก


สิ่งควรรู้เมื่อต้องการฉีดโบท็อก

โบท็อกแท้ต้องมีเลขทะเบียน อย.

โดยในการเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกนั้น ต้องศึกษาข้อปฏิบัติตัวเพื่อความปลอดภัยและได้ผลตามที่ต้องการ ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้

  • ก่อนฉีดต้องให้แพทย์ผสมโบท็อกให้ดูต่อหน้าทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้เจือจางน้ำเกลือมากจนเกินไป
  • เลือกใช้โบท็อกแท้เท่านั้น โดยมีวิธีสังเกต เช่น
  1. ที่กล่องต้องมีซีลใส ๆ ป้องกันการเปิด
  2. มีเลขทะเบียน อย. และเอกสารกำกับภาษาไทย
  3. มีเลข Lot. ตรงกันทั้งที่กล่องและที่ขวด
  4. ต้องสามารถโทรเช็กเลข Lot. และคลินิกได้
  5. เป็นยาเคลือบที่ก้นขวด ไม่มีน้ำ ต้องใส่น้ำเกลือแล้วดูดยาออกมา
  6. บางยี่ห้อมี QR Code ด้านบนกล่อง สามารถขูดออกแสกนเช็กได้

หลังฉีดโบท็อกควรดูแลตนเองอย่างไร 

โดยหลังจากการฉีดโบท็อกแล้ว ต้องมีการดูแลตนเองให้ดี เพื่อลดผลข้างเคียงและได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ ซึ่งมีวิธีการปฏิบัติ เช่น

  • ทานอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสี เพื่อช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ไวขึ้น และทำงานดีขึ้น
  • หลังฉีดโบท็อกควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง เพื่อให้โบท็อกถูกเซลล์ประสาทดูดเข้าไปให้มากที่สุด
  • หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง 48 ชม.
  • งดนอนราบ นอนคว่ำ หรือก้มหัวต่ำกว่าอก 3 ชม.
  • งดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
  • ควรงดอาหารรสจัด และอาหารหมักดอง เพราะมีสารที่ทำให้เส้นเลือดขยายตัว

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดโบท็อก

โดยส่วนใหญ่จะมีคำถามที่เกี่ยวกับการฉีดโบท็อก เช่น

ฉีดโบท็อกซ้ำต่อเนื่องเพื่อคงสภาพ

1. ฉีดโบท็อกกี่วันเห็นผล?

โดยผลลัพย์จะขึ้นอยู่กับบริเวณและวัตถุประสงค์ของการใช้ เช่น

  • โบท็อกลดกราม ปรับรูปหน้า เริ่มเห็นผลตอน 14 วัน กล้ามเนื้อกรามจะนิ่มลง กัดแล้วไม่เด้ง และเห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือน
  • โบท็อกลิฟกรอบหน้า ลดเหนียง เริ่มเห็นผล 3-4 วัน และเห็นผลเต็มที่ใน 1-2 สัปดาห์
  • โบท็อกลดริ้วรอย จะเริ่มออกฤทธิ์ เห็นผลตอน 3-4 วัน และเห็นผลเต็มที่ใน 2 สัปดาห์

2. บริเวณที่ฉีดโบท็อกเป็นก้อนทำไงดี?

อย่างแรกต้องสังเกตว่ามีลักษณะเป็นก้อนแบบไหน หากเป็นก้อนจากรอยเข็ม อาจเป็นผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ 2-3 วัน แล้วจะดีขึ้น แต่ถ้าหากยังมีก้อนอยู่ กดแล้วรู้สึกเจ็บ อาจมีสาเหตุมาจากการอักเสบติดเชื้อหลังฉีด อาจเกิดได้จากโบท็อกไม่ได้มาตรฐาน อุปกรณ์ที่ไม่สะอาดทำให้ติดเชื้อได้

3. โบท็อกอยู่ได้นานแค่ไหน?

แน่นอนว่าการฉีดโบท็อกย่อมไม่สามารถอยู่ได้ถาวร หลังการฉีดจะเริ่มเห็นผลลัพธ์คงอยู่ประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีด ปริมาณโบท็อกที่ฉีด ปริมาณกล้ามเนื้อ และความลึกของริ้วรอยเหี่ยวย่น เป็นต้น

4. ควรฉีดโบท็อกตอนอายุเท่าไหร่?

โดยการฉีดโบท็อกสามารถทำได้โดยต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป ซึ่งส่วนใหญ่จะฉีดเพื่อลดกราม ส่วนกลุ่มคนวัย 30 ปีขึ้นไป จะฉีดโบท็อกเพื่อลดริ้วรอย 


ฉีดโบท็อกที่ไหนดี?

สำหรับผู้ที่มีความสนใจที่จะฉีดโบท็อก แล้วมีความกังวลต้องการที่ปรึกษาและให้คำแนะนำ รวมถึงสนใจโปรแกรมยกกระชับผิวหน้าด้วย HIFU ที่ทำแล้วเห็นผลจริงตั้งแต่ครั้งแรก ติดต่อ รมย์รวินท์ คลินิก เบอร์โทร. 080-1539000 และ 080-1549000 หรือทาง Line@: @Romrawinclinic