Line chat

PRP ผม รักษาอาการผมร่วง ผมบาง ฟื้นฟูผมให้ดูหนาขึ้น

PRP ผม รักษาอาการผมร่วง

คนส่วนใหญ่มักจะพบเจอปัญหาของอาการผมบาง ผมร่วงอยู่บ่อยครั้ง จนทำให้หลายๆคนหมดความมั่นใจในการทำทรงผมต่างๆ และมักจะหาตัวช่วยทั้งการใช้แชมพูปลูกผม แชมพูสูตรพิเศษ การทานวิตามิน แต่มันจะใช้เวลาที่ยาวนาถึงจะเห็นผลลัพธ์ เรามีวิธีที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว คือการปลูกผม แต่มันมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง อีกวิธีคือการฉีด PRP ผมเพื่อลดปัญหาผมบาง เป็นอีกนวัตกรรมหนึ่งที่สามารถช่วยในเรื่องของผมร่วงได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย


PRP ผม คืออะไร

การทำ PRP ผม (Platelet Rich Plasma) หรือ การฉีด PRP ผม คือ การปลูกผมที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อรักษาคนที่มีอาการ ผมร่วง ผมบาง สามารถทำได้แบบที่ไม่ต้องผ่าตัด หรือเจ็บตัว และที่สำคัญไม่ได้ใช้สารเคมี โดยแพทย์จะฉีด PRP หรือที่เราเรียกกันว่าเกล็ดเลือดเข้มข้น ฉีดเข้าไปในหนังศีรษะในบริเวณที่มีอาการผมร่วง ผมบาง เพื่อที่จะให้สารของ PRP ไปกระตุ้นการทำงานของรากผม

PRP เป็นการนำเกล็ดเลือดของตัวเองมาปั่นเพื่อแยกเกล็ดเลือด ซึ่งจะนำมาแยกเอาส่วนของเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดมาใช้ ในการฉีดเข้าหนังศีรษะ

PRP ผม คืออะไร

PRP ผม ต้องทำกี่ครั้ง

การทำ PRP ผม โดยปกติแพทย์จะแนะนำให้ทำประมาณ 3 ครั้งขึ้นไป และต้องทำไปจนถึง 10 ครั้งในกรณีที่เคสของคนไข้มีผมที่บาง และผมร่วงเยอะเกินไป เพื่อที่จะทำให้เห็นผลชัดเจนขึ้น ในช่วงที่ทำ 3-4 ครั้งแรกแพทย์จะทำทุกๆ 2 สัปดาห์ แต่หลังจากนั้นแพทย์จะนัดมาทำทุก 1 เดือนแต่ขึ้นอยู่กับความบางของเส้นผมและความรุนแรงในแต่ละเคส


ข้อดีของ PRP ผม

การทำ PRP ผม เป็นการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้นเข้าไปในหนังศีรษะเพื่อไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมซึ่ง PRP เป็นส่วนประกอบของเลือด โดยแพทย์จะใช้เลือดของคนไข้เองทำให้วิธีการทำ PRP ผม ไม่มีอันตรายต่อร่างกาย นอกจากนี้การทำ PRP ยังมีข้อดีอีก เช่น

  • ทำได้โดยที่ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีรอยแผลเป็น ใช้เวลาในการทำไม่นาน ขั้นตอนของการรักษาไม่เจ็บ
  • การทำ PRP ผม เป็นการปลูกที่มีประสิทธิภาพสูง ให้ผลในระยะยาว และเห็นการเปลี่ยนแปลงได้จริง
  •  โอกาสที่จะเกิดอาการแทรกซ้อน หรือ มีอาการแพ้น้อยมาก เพราะเป็นเลือดจากร่างกายของคนไข้เอง
  • สามารถทำ PRP ผมร่วมกับการรักษาอื่นๆได้ เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ปลูกผม การทานยารักษาผมร่วง หรือผมบาง หรือการทำเลเซอร์ผม
ข้อดีของ PRP ผม

ข้อจำกัดของ PRP ผม

  • เป็นวิธีรักษาอาการผมร่วง ผมบาง ด้วยการทำ PRP ผม ไม่ใช่การปลูกผมแบบถาวร PRP จะสามารถใช้ได้กับคนที่มีเซลล์รากผมหลงเหลืออยู่เท่านั้น ดังนั้นจะต้องทำซ้ำทุกๆ 3-6 เดือน หากไม่ทำเป็นระยะเวลายาวนานปัญหาของอาการผมร่วงผมบางจะกลับมาเป็นอีกครั้ง

นอกจากนี้ข้อจำกัดของการทำ PRP ผมยังจำกัดสำหรับคนที่มีโรคต่างๆ ดังนี้

  • ผู้ที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ หรือยังให้นมบุตร
  • ผู้ที่เป็นโรคมะเร็ง และผู้ป่วยที่กำลังมีการติดเชื้อที่เกี่ยวกับโรคผิวหนังบางประเภท
  • ผู้ที่อยู่ในระหว่างการทานยาต้านเกล็ดเลือด หรือละลายลิ่มเลือด
  • ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง หรือ ผู้ที่มีโรคเกล็ดเลือดต่ำ
  • ผู้ที่เคยมีประวัติ มีผื่น หรือมีอาการแพ้หลังฉีด PRP

ใครบ้างที่เหมาะกับ PRP ผม 

การทำ PRP ผม หรือ การปลูกผม PRP เหมาะกับคนที่อาการผมร่วง ผมบาง เพื่อแก้ไขปัญหาสำหรับคนที่ต้องการปลูกผม แต่ไม่มีเวลาพักฟื้น จึงเป็นทางเลือกที่ดีกับคนที่ไม่ต้องการผ่าตัด ไม่ต้องการพักฟื้นเป็นเวลายาวนาน ไม่เจ็บ และไม่มีแผลเป็นอีกด้วย 

เมื่อคนไข้เข้าไปปรึกษาแพทย์ในเรื่องของอาการผมร่วง ผมบาง แพทย์จะทำการวิเคราะห์และดูสภาพของรากผมและหนังศีรษะก่อนว่าสามารถทำได้หรือไม่ ถ้ารากผมยังมีสภาพที่สามารถงอกผมขึ้นมาใหม่ได้แพทย์จะแนะนำให้ทำ PRP แต่ในกรณีที่บริเวณที่ต้องการปลูกผมไม่สามารถเกิดผมใหม่ได้แล้ว หรือไม่มีผมงอกมาตั้งแต่ต้น แพทย์จะแนะนำให้ทำการปลูกผมถาวร โดยใช้วิธีการปูกผมแบบ FUT หรือปลูกผมแบบ FUE

ทั้งนี้การทำ PRP ผมเป็นเพียงแค่การรักษาเสริมเท่านั้น อาจจะไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาหนังศีรษะที่ไม่มีรากผม เนื่องจากแพทย์จะมองไม่เห็นรูขุมขนของหนังศีรษะและไม่เหมาะกับคนที่มีเกล็ดเลือดต่ำหรือผู้ที่ทานยาต้านเกล็ดเลือด และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดัน โรคโลหิตจาง เพราะเลือดที่นำมาใช้อาจจะไม่สมบูรณ์มากพอ


การเตรียมตัวก่อน PRP ผม 

สำหรับผู้ที่ต้องการทำ PRP ผม ควรรู้เกี่ยวกับการเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนทำเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก เพราะการทำ PRP เป็นการใช้เลือดของคนไข้เองหากร่างกายไม่พร้อมจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของ PRP จะทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจน

คนไข้สามารถปฏิบัติตามขั้นตอนการเตรียมตัวได้ดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
  • ควรพักผ่อนให้เพียงพอ 8 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ
  • คนไข้ควรดื่มน้ำประมาณ 1.5-2 ลิตรต่อวัน
  • งดการทานวิตามิน หรือ ยาที่ส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด เช่น วิตามินอี น้ำมันตับปลา และใบแปะก๊วย
  • งดการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนการทำ PRP ผม 1 สัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงการใช้เจลจัดแต่งทรงผมก่อนทำ PRP ผมเพราะแพทย์จะแนะนำให้สระผมได้หลังจากทำ PRP ผมครบ 24 ชั่วโมง
การเตรียมตัวก่อน PRP ผม

ขั้นตอน PRP ผม 

สำหรับผู้ที่สนใจรักษาอาการผมร่วง ผมบาง ด้วยการทำ PRP ผมมีขั้นตอนการทำดังนี้

  • แพทย์จะทำการฉีดยาชาเข้าบริเวณที่ต้องการปลูกผม
  • เมื่อยาชาออกฤทธิ์ แพทย์จะกระตุ้นหนังศีรษะก่อนที่จะทำการฉีดDerma Pen (Micro Needling System) เพื่อให้ผิวหนังของศีรษะตอบสนองต่อ PRP ผมได้ดียิ่งขึ้น
  • แพทย์จะทำการฉีด PRP ผมกลับสู่ร่างกายเพื่อไปกระตุ้นการสร้างผมใหม่

ส่วนในเรื่องของขั้นตอนการเตรียม PRP 

  • ก่อนที่แพทย์จะทำการฉีด PRP ผม แพทย์จะทำการเจาะเลือดของคนไข้ออกมาประมาณ 100 มิลลิลิตร ในส่วนของขั้นตอนนี้ไม่ได้น่ากลัวหรือเจ็บอย่างที่คิด เพราะเลือดที่เอาออกมาจากร่างกายนั้นน้อยกว่าการบริจาคเลือดหนึ่งครั้งถึง 4 เท่า
  • แพทย์จะเติมสารที่ป้องกันการแข็งตัวของเลือดลงไปในเลือดที่ทำการเจาะออกมา จากนั้นจะนำไปปั่นแยกในเครื่องเหวี่ยงสาร
  • จะนำเข้าเครื่องเหวี่ยง 2 ครั้งเพื่อที่จะให้ได้เลือดที่เข้มข้นที่สุดตามที่แพทย์ต้องการ

หลัง PRP ผม ดูแลตัวเองอย่างไร

ถึงแม้ว่าการปลูกผมแบบ PRP ไม่จำเป็นที่จะต้องพักฟื้นเป็นเวลายาวนาน แต่หลังทำมาแล้วหนังศีรษะจะบอบบาง ทำให้มีอาการช้ำบริเวณที่ฉีดได้

ซึ่งคนไข้สามารถดูแลตัวเองหลังทำได้ ดังนี้

  • หลังจากที่ทำ PRP ผมมา 24 ชั่วโมงแรกห้ามสระผม ห้ามให้ผมโดนน้ำ ห้ามออกกำลังกาย
  • หลีกเลี่ยงการใช้สเปรย์และเจลจัดแต่งทรงผมหลังจากทำ PRP มาประมาณ 24 ชั่วโมง
  • หลังจากทำ PRP ผมอาจจะมีอาการบวมเล็กน้อย คนไข้สามารถประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมได้ ซึ่งอาการบวมจะสามารถหายได้ภายใน 1-3 วัน และหากมีรอยช้ำจะหายไปภายใน 7 วัน
  • 2-3 วัน ห้ามรับประทานยาแอสไพรินและไอบูโพรเฟ่น
  • งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์หลังจากทำมาประมาณ 48 ชั่วโมง
  • ไม่ควรเกาหรือขยี้หนังศีรษะอย่างรุนแรง เพราะอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อ
  • แนะนำให้ใช้แชมพูสูตรอ่อนโยนต่อผิวหนัง

PRP ผม เห็นผลถาวรไหม

สำหรับผู้ที่เข้ารับการรักษาอาการผมร่วง ผมบาง ด้วยการทำ PRP ผมสามารถเห็นผลได้ภายในระยะเวลา 3-6 เดือน โดยผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ PRP ผม ได้แก่

  • จะมีหนังศีรษะที่ดีขึ้น มีหลอดเลือดฝอยมากขึ้น เหมาะกับการเจริญเติบโตของเส้นผม
  • เซลล์รากผมจะถูกกระตุ้นให้กลับมาทำงานได้ และยำสามารถทำให้ผมที่งอกขึ้นมาใหม่แข็งแรงขึ้น เส้นผมหนาขึ้น ลดปัญหาผมขาดหลุดร่วง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผลลัพธ์ที่ได้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล และสภาพของหนังศีรษะด้วย แต่การทำ PRP ผมไม่ใช้การปลูกผมแบบถาวร คนไข้จำเป็นที่จะต้องกลับมาฉีดซ้ำในระยะเวลา 2-3 เดือน

PRP ผม เห็นผลถาวรไหม

สรุป PRP ผม

การปลูกผมแบบ PRP เป็นทางเลือกที่ดีมากสำหรับคนที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ผมน้อย เหมาะสำหรับคนที่กังวลเรื่องของการเกิดภาวะแทรกซ้อน เพราะการทำ PRP ผมจะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนและแพ้น้อยมาก เพราะการใช้เกล็ดเลือดของคนไข้เอง และยังไม่จำเป็นจะต้องพักฟื้นเป็นเวลายาวนาน และสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ในกรณีที่เข้ารับรักษาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย