beauty
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มอย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ควรรู้อะไรบ้าง ก่อนฉีดร่องแก้มครั้งแรก
เมื่อกาลเวลาผ่านไป ริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้าก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น โดยริ้วรอยเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อความมั่นใจ แต่ยังอาจเพิ่มอายุให้ดูแก่กว่าวัยจริง โดยเฉพาะบริเวณร่องแก้ม แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน สามารถช่วยกู้คืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นคือ การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ซึ่งช่วยเติมเต็มร่องลึกบริเวณแก้มช่วยให้ใบหน้ากลับมาดูเรียบเนียน เต่งตึง อวบอิ่ม และดูอ่อนเยาว์ลงทันทีหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ถือว่าเป็นอีกวิธีเสริมความงามที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม คือ อะไร?
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม คือ การฉีดสารเติมเต็มชนิดไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) เข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณร่องแก้ม เพื่อเติมเต็มส่วนที่ยุบตัวลง ทำให้ร่องแก้มดูตื้นขึ้น พร้อมกับทำหน้าที่ช่วยกักเก็บน้ำไว้ชั้นใต้ผิวหนัง ช่วยให้ผิวดูชุ่มชื้น เรียบเนียน ผิวหน้าดูอ่อนกว่าวัย และไม่โทรม
โดยฟิลเลอร์ร่องแก้มหรือสารไฮยาลูรอนิกแอซิด เป็นสารที่พบตามธรรมชาติในร่างกายของมนุษย์ ทำหน้าที่กักเก็บน้ำไว้ใต้ผิวหนัง ช่วยให้ผิวดูอิ่มฟู เต่งตึง แต่เมื่ออายุมากขึ้น สารไฮยาลูรอนิกแอซิดในร่างกายจะลดลง ทำให้ผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื้น เกิดริ้วรอย และร่องแก้มลึกขึ้น ดังนั้น การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม จึงเป็นการเติมเต็มสารไฮยาลูรอนิกแอซิดที่สูญเสียไป ช่วยให้ผิวหน้ากลับมาดูอิ่มฟู เต่งตึง และร่องแก้มดูตื้นขึ้น
หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม คนไข้สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ในทันที โดยร่องแก้มจะดูตื้นขึ้น ใบหน้าดูอิ่มฟู เต่งตึง ผิวหน้าดูชุ่มชื้น นอกจากนี้ ผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 12 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์หน้าแก้มที่ใช้ และการดูแลรักษาผิวของคนไข้
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มช่วยเรื่องอะไรบ้าง
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ช่วยแก้ไขปัญหาร่องแก้มลึก และปัญหาอื่น ๆ บนใบหน้า ดังนี้
- เติมเต็มร่องแก้มลึก ซึ่งเกิดจากการสูญเสียความยืดหยุ่นของผิวหนัง และการยุบตัวของไขมันใต้ชั้นผิว ดังนั้น การฉีดฟิลเลอร์แก้มจะช่วยเติมเต็มร่องแก้มให้ดูตื้นขึ้น ใบหน้าดูอิ่มฟู เต่งตึง และอ่อนเยาว์ลง
- ช่วยยกกระชับใบหน้า โดยการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะช่วยดึงเนื้อแก้มที่หย่อนคล้อยให้ยกกระชับขึ้น ทำให้ใบหน้าดูมีมิติ ชัดเจน ร่องใต้ตา ร่องลึกมุมปากดูตื้นขึ้น ส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมดูเรียวขึ้น
- เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว เนื่องจากฟิลเลอร์ร่องแก้มดูดซับน้ำได้ดี ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวหน้าดูเปล่งปลั่ง มีสุขภาพดี
- ช่วยปรับรูปหน้าให้สมดุล โดยการฉีดร่องแก้มเหมาะกับคนที่มีรูปหน้ายาว เพราะจะช่วยเติมเต็มบริเวณแก้มให้ดูมีเนื้อแก้มมากขึ้น ทำให้รูปหน้าดูสมดุล
- ช่วยลดรอยคล้ำใต้ตา เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มบางชนิด มีสารต้านอนุมูลอิสระเป็นส่วนผสมร่วมด้วย จึงช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวบริเวณใต้ตาดูสว่างกระจ่างใส
ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มยี่ห้อใดดี
ในปัจจุบัน มีการผลิตฟิลเลอร์ร่องแก้มออกมาโดยเฉพาะ หลากหลายยี่ห้อ โดยยี่ห้อฟิลเลอร์แก้มตอบที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย มีดังนี้
- Neuramis เป็นFiller ร่องแก้มที่ผลิตจากกรดไฮยาลูรอนิก จากประเทศเกาหลี มีจุดเด่นที่เนื้อฟิลเลอร์มีความนุ่ม กระจายตัวได้ดี และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ โดยมีหลายรุ่นให้เลือก เหมาะกับการแก้ปัญหาเฉพาะจุดบนใบหน้า ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 6 – 12 เดือน
- Juvederm เป็นฟิลเลอร์ร่องแก้มที่ผลิตจากกรดไฮยาลูรอนิก ซึ่งมีโครงสร้างคล้ายกับกรดไฮยาลูรอนิกตามธรรมชาติในร่างกาย จึงมีความปลอดภัยสูง ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ผลิตจากอเมริกา ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 6 – 18 เดือน
- Restylane เป็นฟิลเลอร์หน้าแก้มที่ผลิตจากกรดไฮยาลูรอนิกเช่นกัน จากสวีเดน มีจุดเด่นที่เนื้อฟิลเลอร์มีความนุ่มนวล กลมกลืนไปกับผิว ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 6 – 12 เดือน
- Belotero เป็นฟิลเลอร์แก้มตอบที่ผลิตจากกรดไฮยาลูรอนิก ผสานเทคโนโลยี Cohesive™ ช่วยให้ฟิลเลอร์มีความเรียบเนียน กลมกลืนไปกับผิว และไม่จับตัวเป็นก้อน จากสวิตเซอร์แลนด์ โดยผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 6 – 12 เดือน
ควรดูแลตนเองอย่างไร หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแล้ว ควรทำตามข้อปฏิบัติหลังฉีด Filler ร่องแก้มของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจและคงอยู่ได้นาน ดังนี้
- ใน 48 ชั่วโมงแรกหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
- ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มประมาณ 15 – 20 นาที โดย 4 – 5 ครั้งต่อวัน เพื่อลดอาการบวมแดง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส แกะ เกา หรือบีบ บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์แก้ม เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์ร่องแก้มไหลหรือเคลื่อนตัว
- พยายามนอนหงายหรือนอนตะแคงข้างที่ไม่ได้ฉีดร่องแก้ม เพื่อป้องกันการกดทับ
- งดดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์อาจทำให้เลือดออกง่ายและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำ
- ควรงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนและหลังการเติมร่องแก้ม เพราะอาจส่งผลต่อการหายของแผล
- หลีกเลี่ยงการทานอาหารร้อนจัดหรือดื่มเครื่องดื่มร้อน เพราะอาจทำให้เกิดอาการบวม
- ทานยาแก้ปวดหรือยาแก้อักเสบตามแพทย์สั่ง กรณีมีอาการปวดหรือบวมมาก
- ภายใน 2 สัปดาห์แรกหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก การเล่นกีฬา ว่ายน้ำ หรือกิจกรรมที่ต้องเหงื่อออกมาก เพราะอาจทำให้เกิดอาการบวม
- ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป สวมหมวกปีกกว้าง และใส่แว่นกันแดด เพื่อป้องกันรอยช้ำและรอยดำ
- หลีกเลี่ยงการทำทรีทเมนต์บนใบหน้า เช่น การทำเลเซอร์, การผลัดเซลล์ผิว, การนวดหน้า เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคือง
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองได้เร็วขึ้น
- หลังจาก 2 สัปดาห์ฉีด Filler สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ควรดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง เช่น ทาครีมกันแดด ทานอาหารที่มีประโยชน์ และดื่มน้ำให้เพียงพอ
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มอันตรายหรือไม่ มีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม โดยทั่วไปถือว่า ไม่อันตราย หากเลือกใช้ฟิลเลอร์หน้าแก้มแท้ ได้มาตรฐาน และฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนี้
- อาการบวมแดงช้ำ เป็นอาการที่พบได้บ่อยหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม มักจะเกิดขึ้นภายใน 1 – 2 วัน และจะค่อย ๆ หายไปเองภายใน 1 – 2 สัปดาห์
- อาการเจ็บ อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์แก้ม แพทย์อาจทายาชาหรือประคบเย็นเพื่อลดอาการ
- รอยเข็มจากการฉีดฟิลเลอร์จะหายไปเองภายใน 1 – 2 วัน
- อาจรู้สึกคันบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ไม่ควรแกะหรือเกา เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคือง
- บางราย อาจจะฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเป็นก้อนใต้ผิวหนัง เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่สม่ำเสมอ หรือใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน
สรุปเกี่ยวกับฟิลเลอร์ร่องแก้ม
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นการฉีดสารเติมเต็มชนิดไฮยาลูรอนิกแอซิดเข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณร่องแก้ม เป็นการเติมเต็มร่องแก้มลึก เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวเรียบเนียน อิ่มฟู เต่งตึง ยกกระชับใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย และปรับรูปหน้าให้สมดุล โดยผลลัพธ์จะอยู่นาน 12 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ร่องแก้มที่ใช้ รวมถึงต้องฉีดฟิลเลอร์แก้มกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และใช้แต่ Filler ร่องแก้มของแท้เท่านั้น
