ในขณะนี้ปัญหาผมหลุดร่วง ปัญหาผมบาง หรือเริ่มเข้าสู่ภาวะผมล้าน จึงเป็นปัญหาที่หลายๆคนกังวลเป็นอย่างมาก หลายๆท่านจึงมองหาทางแก้ไขเบื้องต้น โดยการหายาปลูกผมตามท้องตลาด หรือการโฆษณาชวนเชื่อที่บอกปากต่อปากว่าสามารถช่วยแก้ปัญหาในเรื่องผมขาดหลุดร่วง แม้แต่ผมบางได้จริง
แต่การทานยาปลูกผมตามที่ได้เห็นผ่านสายตา จะสามารถช่วยท่านหายขาดจากอาการดังกล่าวได้จริงหรือ การหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อแก้ปัญหาผมร่วงได้อย่างตรงจุด จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดที่สามารถแก้ปัญหาในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามเรามาทำความเข้าใจกับยาปลูกผม ว่าจะสามารถช่วยแก้ปัญหาในด้านนี้ได้จริงหรือไม่กันเถอะ
ยาปลูกผม ทางเลือกสำหรับคนผมบาง หัวล้าน
ยาปลูกผม คือ ยาที่ใช้สำหรับรักษาปัญหาอาการผมร่วง ภาวะผมบางโดยเฉพาะ ซึ่งการทำงานส่วนใหญ่ของยาจะเป็นตัวทำปฏิกิริยากับร่างกาย เพื่อไปกระตุ้นให้การเกิดของเส้นผม จนถึงไม่ทำหลุดร่วงของเส้นผม ช่วยลดการผมร่วงจากกรรมพันธุ์ รวมทั้งยังช่วยให้เส้นผมที่เคยบางได้กลับมาดกหนาและแข็งแรงเพิ่มขึ้นอีกด้วย
แต่สำหรับท่านที่มีปัญหาศีรษะล้านนั้น การรับประทานยาปลูกผมจะไม่สามารถช่วยในเรื่องนี้ได้จริงๆ เนื่องจากรากในเส้นผมบางท่านได้ฝ่อจนไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้นั้นเอง ดังนั้นการทานยาปลูกผมของผู้มีปัญหาหัวล้านนั้นจึงไม่มีส่วนช่วยให้ผมกลับมาเกิดใหม่ได้ ท่านควรเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อแก้ปัญหาที่ท่านกำลังเผชิญโดยเฉพาะ จึงจะตรงจุดมากกว่า
ยาปลูกผม มีกี่ชนิด แตกต่างกันอย่างไร
ในปัจจุบันยาปลูกผมที่ได้รับการยอมรับทางการแพทย์ที่สามารถช่วยในเรื่องการเกิดใหม่ของเส้นผมได้นั้น มีด้วยกัน 2 ชนิด คือ ยาฟีแนสเตอร์ไรด์(Finasteride) และยา ไมนอกซิดิล (Minoxidil)
ฟีแนสเตอร์ไรด์
ยาฟีแนสเตอร์ไรด์ (Finasteride) เป็นยารักษาต่อมลูกหมาก และต่อมาได้มีการนำยาตัวนี้มารักษาในผู้ที่มีปัญหาอาการผมร่วงในชายเท่านั้น โดยยาจะเข้าไปลดระดับฮอร์โมนที่ชื่อว่า DHT (Dihydrotestosterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยในการพัฒนาลักษณะทางเพศของผู้ชาย เช่น ผมและเส้นขนตามร่างกาย เป็นต้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เส้นผมบาง หลุดร่วง จนเป็นสาเหตุทำให้หัวล้านก่อนวันอันควรนั้นเอง
ซึ่งยาฟีแนสเตอร์ไรด์จะมีความแรง 2 ขนาดได้แก่ ขนาด 1 mg ใช้สำหรับรักษาอาการผมร่วงในเพศชายเท่านั้น เพื่อเพิ่มการงอกของเส้นผม และขนาด 5 mg ใช้สำหรับรักษาอาการของผู้มีปัญหาต่อมลูกหมากโตในชาย เพื่อรักษาให้อาการดีขึ้น ลดการเกิดการปัสสาวะคั่งเฉียบพลัน
เนื่องจากยาชนิดนี้หากทานในปริมาณเกินกว่าที่แพทย์ได้แนะนำจะส่งผลข้างเคียงคือ ทำให้เกิดความต้องการทางเพศลดลง มีอาการเจ็บปวดอัณฑะ หากกินอย่างต่อเนื่องอาจจะทำให้ร่างกายปรับตัวจนไม่สามารถมีผลลัพธ์ตามที่หวังได้ เพศหญิงห้ามใช้ยาฟีแนสเตอร์ไรด์เป็นยาปลูกผมโดยเด็ดขาด ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการตั้งครรภ์
ไมนอกซิดิล
ไมนอกซิดิล (Minoxidil) เป็นยาที่นำมาใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูง ยาตัวนี้จะส่งผลให้ขยายหลอดเลือดไปหล่อเลี้ยงเข้าถึงรากผมได้ดียิ่งขึ้น จึงจะทำให้รากผมมีอาหารเลี้ยง ฟื้นฟูสุขภาพของเส้นผม ซึ่งกินยาปลูกผมตัวนี้สามารถใช้ได้ทั้งชายและหญิง แต่ส่วนใหญ่จะเห็นผลลัพธ์กับฝ่ายหญิงมากกว่า
ยาไมนอกซิดิล (Minoxidil) จะสามารถใช้ได้ 2 แบบ คือ ชนิดแบบยาเม็ดทาน จะเกี่ยวข้องการเรื่องความดัน ส่วนใหญ่ทางแพทย์จะจ่ายควบคู่กับการปลูกผมด้วยนั้นเอง และชนิดแบบยาทา หรือฉีดในบริเวณที่ต้องการ ซึ่งช่วยให้ขยายหลอดเลือดในส่วนที่เป็นปัญหา แต่ผลข้างเคียงที่ได้จะเป็นการระคายเคือง อาจจะทำให้เกิดรังเคในบริเวณนั้นได้ จึงขอแนะนำให้ทานยาปลูกผมชนิดแบบทานจะช่วยมากกว่าค่ะ
ผลข้างเคียงที่ใช้ยาไมนอกซิดิล (Minoxidil) ส่วนใหญ่จะทำให้คลื่นไส้ อาเจียน หน้ามืด ระคายเคือง มีการอักเสบในบริเวณหนังศีรษะ หัวใจเต้นผิดปกติ บางรายอาจจะเกิดสิวในบริเวณที่ใบหน้าและใช้ทา รวมถึงมีขนขึ้นบริเวณใบหน้ามากขึ้น
ข้อจำกัดในการใช้ยาปลูกผม
ปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือแม้แต่การที่บางท่านได้เข้าสู่ภาวะหัวล้าน จึงเป็นข้อกังวลที่ต้องเรียกความมั่นใจให้กลับมาได้ยาก หากท่านแก้ปัญหาไม่ตรงจุด แต่อย่างไรก็ตามบางท่านก็ไม่เหมาะกับการทานยาปลูกผมได้ เนื่องจากอาจจะเกิดจากกรณีดังต่อไปนี้
- การมีประวัติแพ้ยาตัวใดตัวหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายของท่าน
- ผู้ที่มีประวัติหัวล้าน หรือผู้มีผมบางตั้งแต่เกิด ทางแพทย์อาจจะแนะนำให้ท่านใช้เป็นการปลูกในแต่ละโปรแกรมก็เป็นได้
- ในหญิงที่มีการตั้งครรภ์ที่กำลังให้นมบุตร หรือผู้ที่มีภาวะผมร่วงหลังคลอด
- ผู้มีปัญหาภาวะผมร่วงหนักโดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นผมร่วงเป็นหย่อมๆ หรือร่วงเป็นกระจุก โดยไม่มีเคยมีประวัติผมร่วงภายในครอบครัว รวมไปจนถึงผู้มีโรคประจำตัวที่ไม่สามารถรับประทานยาปลูกผมร่วมได้ เช่น ผู้มีโรคหัวใจ โรคไต โรคตับ เป็นต้น
- ผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
เช็กให้ดี! อันตรายจากยาปลูกผม
การเลือกใช้ยาปลูกผมในการแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือหนังศีรษะล้านนั้น อาจจะช่วยในการประหยัดค่าใช้จ่ายในยุคปัจจุบันที่มีรายจ่ายที่เพิ่มมากขึ้น แต่การเลือกทานยาปลูกผมให้ดี อาจจะเป็นความเสี่ยงที่ท่านไม่ต้องการให้เกิดขึ้น ท่านต้องเลือกใช้ยาด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง การตรวจสอบผลิตภัณฑ์นั้นมีเลขที่ อย. กำกับหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบแหล่งที่ผลิตได้มาตรฐานความปลอดภัยได้จริงไหม รวมไปจนถึงแหล่งที่ขายยาปลูกผมที่ได้ซื้อมานั้นต้องเชื่อถือได้ หากเกิดอาการแพ้ขึ้นมาอย่างฉับพลัน หรือการทานยาโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจนเกิดปัญหาสุขภาพในด้านอื่นๆตามมา อาจจะไม่คุ้มกับความเสี่ยงที่ท่านต้องพบเจอนั้นเอง
สรุปการใช้ยาปลูกผม
การรับประทานยาปลูกผมอาจจะเป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ที่มีภาวะเริ่มต้นในปัญหาผมบาง ผมร่วงได้ก็ตาม การเลือกรับประทานยาท่านควรปรึกษาแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ที่สามารถช่วยแก้อาการที่ท่านกังวลอยู่ได้อย่างตรงจุด แต่อย่างไรก็ตามท่านไม่ควรหายาปลูกผมที่ไม่ได้ผ่านการแนะนำจากแพทย์มารับประทานเอง เพราะอาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวของท่านก็เป็นได้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อมูลข้างต้นจะสามารถช่วยให้ท่านคลายกังวล และช่วยท่านตัดสินใจในการแก้ปัญหาดังกล่าวได้นะคะ