Line chat

ฝ้า กระ จุดด่างดำ ปัญหาผิวที่ไม่ควรมองข้าม

ฝ้า

ใบหน้าสะอาดใส ไร้ริ้วรอย คงเป็นสิ่งที่ใครหลายคนปรารถนา แต่ปัญหาผิวอย่าง ฝ้า กระ จุดด่างดำ มักเป็นอุปสรรคทำลายความมั่นใจ ฝ้า กระ จุดด่างดำล้วนเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อย แม้ไม่ส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพ แต่กลับทำลายความมั่นใจ บั่นทอนบุคลิกภาพ ยิ่งปล่อยไว้นานวันยิ่งรักษายากขึ้น ดังนั้นการป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ จึงสำคัญ ในบทความนี้จะกล่าวถึงประเภทลักษณะของฝ้า การรักษาฝ้าและการป้องกันการเกิดฝ้า



ฝ้าเกิดจากอะไร

ฝ้าเกิดจาก

ฝ้า รู้จักปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้หน้าเป็นฝ้า ป้องกันได้ก่อนสายเกินแก้! ปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดฝ้า คือ

  •  แสงแดด รังสี UV จากแสงแดด ไม่ได้ทำร้ายแค่ผิวคล้ำเสีย แต่ยังเป็นตัวการสำคัญที่กระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน ต้นเหตุของฝ้า 
  • พันธุกรรม หากคนในครอบครัวมีประวัติเป็นฝ้า ตัวคุณเองก็มีโอกาสเป็นมากขึ้น
  • ฮอร์โมน ช่วงเวลาแห่งความผันผวน คุณแม่ตั้งครรภ์ หรือสาวๆ ที่ใช้ยาคุมกำเนิด มักเผชิญกับปัญหาระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดฝ้าฮอร์โมนได้
  • ยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด ยารักษาโรคบางอย่าง อาจมีผลข้างเคียงกระตุ้นการเกิดฝ้าได้ 
  • ความร้อนจากแหล่งอื่นๆ เช่น เตาไฟ อุปกรณ์ทำความร้อน ก็สามารถกระตุ้นการสร้างเมลานิน ทำให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแหล่งความร้อนโดยตรง
  • เครื่องสำอางบางชนิด อาจมีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองและกระตุ้นการสร้างเม็ดสี นำไปสู่การเกิดฝ้าได้ ควรเลือกใช้เครื่องสำอางที่อ่อนโยน ปราศจากสารเคมีรุนแรง และผ่านการทดสอบการระคายเคืองแล้ว
  • การเสียดสี ภัยใกล้ตัวที่หลายคนมองข้าม การสัมผัส ถู หรือเกาบริเวณผิวหน้าบ่อยๆ เป็นการรบกวนผิว กระตุ้นการสร้างเม็ดสี และอาจทำให้เกิดรอยดำ ฝ้า กระ ได้ ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ และสัมผัสผิวหน้าอย่างเบามือ

ฝ้าคืออะไร มีลักษณะอย่างไร

ลักษณะฝ้า

ฝ้า (Melasma) เป็นปัญหาผิวหนังที่พบได้บ่อยโดยเฉพาะในกลุ่มคนเอเชีย โดยมักจะเกิดจากการที่ร่างกายผลิตเม็ดสีเมลานินมากเกินไป ทำให้เกิดเป็นรอยด่างดำที่มีลักษณะเป็นปื้นหรือจุด ขึ้นบนผิวหนังบริเวณต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณที่โดนแดดบ่อย

ลักษณะของฝ้ามีหลายประการ ดังนี้

– สี: มักพบเป็นสีน้ำตาลอ่อน น้ำตาลเข้ม เทา ขึ้นอยู่กับชนิดและความลึกของเม็ดสี

– รูปร่าง: เป็นปื้น หรือเป็นจุด 

– ขนาด: มีขนาดแตกต่างกันไปตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่

ฝ้าสามารถแบ่งออกเป็น 4 ชนิดหลัก ตามความลึกของเม็ดสี ดังนี้

ฝ้าแบบตื้น: มีลักษณะเป็นสีน้ำตาล ขอบชัด อยู่บริเวณชั้นนอกของผิวหนัง (ชั้นหนังกำพร้า) รักษาได้ง่าย

ฝ้าแบบลึก: มีลักษณะน้ำตาลอมฟ้าหรือม่วง อยู่ลึกลงไปในชั้นหนังแท้ รักษาได้ยาก

ฝ้าผสม: มีทั้งฝ้าแบบตื้นและฝ้าแบบลึก พบได้บ่อยที่สุด

ฝ้าไม่ชัดเจน: พบในผู้ที่มีสีผิวเข้ม แยกชนิดฝ้าได้ยาก

นอกจากนี้ ยังแบ่งฝ้าตามสาเหตุการเกิดเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้

ฝ้าแดด: เกิดจากรังสียูวีเอ ยูวีบี แสงสีฟ้าจากหน้าจอ และความร้อน 

ฝ้าเลือด: เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน มักพบในผู้หญิงตั้งครรภ์ ทานยาคุมกำเนิด หรือมีประจำเดือนผิดปกติ


บริเวณผิวหน้าที่มักเกิดฝ้า

มักพบที่บริเวณใบหน้า เช่น เป็นฝ้าที่แก้ม โหนกแก้ม หน้าผาก เหนือริมฝีปาก จมูก คาง รวมถึงบริเวณอื่นๆ เช่น ลำคอ แขน และหลัง นอกจากนี้ ฝ้าแดดยังสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วใบหน้า รวมถึงบริเวณอื่นๆ เช่น ลำคอ แขน หลัง ซึ่งเป็นบริเวณที่สัมผัสกับแสงแดดบ่อยๆ เช่นกัน


รักษาฝ้าอย่างไรได้บ้าง

วิธีรักษาฝ้าด้วยยา

การรักษาด้วยยา มีทั้งรูปแบบยาทาและยารับประทาน

  • หากต้องการรักษาฝ้าด้วยตัวเอง สามารถรักษาฝ้าด้วยยาทา ยาทานั้นต้องมีสารสำคัญที่ช่วยลดฝ้าได้ เช่น ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินและช่วยลดเลือนฝ้าได้ดี กรดวิตามินเอ (Retinoids) ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดเลือนริ้วรอย และฝ้า กระ จุดด่างดำ ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสมและหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด กรดผลไม้ (AHA/BHA) ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดเลือนจุดด่างดำ และฝ้าตื้น และสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น สารสกัดจากชะเอมเทศ หรือ ใบบัวบก ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดเลือนฝ้า
  • สำหรับการรักษาฝ้าด้วยยารับประทาน มีสารสำคัญที่ช่วยลดฝ้าได้ดังนี้ ทรานเนกซามิก แอซิด (Tranexamic Acid) ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ลดการอักเสบ และลดเลือนฝ้า และสารที่เป็นที่รู้จักกันดีอย่างกลูต้าไธโอน (Glutathione) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใส และลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำได้

วิธีรักษาฝ้าด้วยสกินแคร์

สามารถเลือกใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ หรือกรดผลไม้ จะสามารถลดเลือนฝ้าได้

วิธีรักษาฝ้าด้วยการลอกผิว

การลอกผิวด้วยสารเคมี (Chemical Peeling) เป็นวิธีการที่ใช้สารเคมี เช่น AHA (alpha hydroxy acids) หรือ BHA (beta hydroxy acids) เพื่อผลัดเซลล์ผิวชั้นบน เพื่อเผยผิวใหม่ที่เรียบเนียน กระจ่างใส และลดเลือนฝ้า

วิธีการรักษาฝ้าด้วยการฉีดเมโสหน้าใส

การฉีดเมโสหน้าใส เป็นการรักษาที่เน้นการบำรุงเฉพาะจุด โดยมีสูตรที่มีส่วนผสมของวิตามินต่างๆ เช่น vitamin ABCE, Transamin, Glutathione เป็นต้น ที่ช่วยในการลดเลือนรอยฝ้าและกระ รวมถึงช่วยแก้ปัญหารูขุมขนกว้าง และเสริมสร้างคอลลาเจน เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวหน้าดูขาวใสขึ้น

วิธีรักษาฝ้าด้วยการทำเลเซอร์

การใช้เลเซอร์เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาฝ้าที่ได้รับความนิยม เนื่องจากสามารถช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วและชัดเจน โดยเลเซอร์จะส่งแสงพลังงานสูงไปยังบริเวณที่มีฝ้า ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และทำลายเม็ดสีเมลานินที่เป็นสาเหตุของฝ้า

มีเลเซอร์หลายประเภทที่ใช้รักษาฝ้า แต่ละประเภทมีกลไกการทำงานและเหมาะกับฝ้าแต่ละชนิด ดังนี้

1. Picosecond Laser: เป็นเลเซอร์ที่สามารถปล่อยแสงพลังงานสูงในช่วงเวลาสั้นๆ ช่วยย่อยสลายเม็ดสีเมลานินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะกับฝ้าแบบตื้น ฝ้ากระ และรอยดำจากสิว

2. Q-Switched Nd YAG Laser: เป็นเลเซอร์ที่ปล่อยแสงพลังงานสูงเป็นคลื่น ช่วยทำลายเม็ดสีเมลานิน เหมาะกับฝ้าแบบลึก ฝ้าเลือด และฝ้าผสม

3. IPL (Intense Pulsed Light): เป็นแสงความเข้มสูงหลายความยาวคลื่น ช่วยลดการสร้างเม็ดสี กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ เหมาะกับฝ้าแดด ฝ้ากระ และจุดด่างดำ


วิธีการป้องกันฝ้าบนผิวหนัง

ป้องกันฝ้า

ฝ้า กระรักษาให้หายขาดค่อนข้างยาก การป้องกันไว้ก่อนจึงที่ดีที่สุด มาดูเคล็ดไม่ลับกันเลย

  • หลีกเลี่ยงแสงแดด แดดจัดเป็นสาเหตุหลักของฝ้าและกระ หลีกเลี่ยงการออกแดด สวมหมวก กางร่ม หรือใช้ผ้าคลุมเพื่อป้องกันแดด ทาครีมกันแดดเป็นประจำ SPF 30 ขึ้นไป ป้องกันรังสียูวีเอ และ PA 2+ ขึ้นไป เพื่อป้องกันรังสียูวีบี
  • ดูแลผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ ทาครีมบำรุงผิวที่เหมาะกับสภาพผิว เติมวิตามินให้ผิวด้วยเมโสหน้าใส ช่วยเพิ่มคอลลาเจนให้ผิวเต่งตึง หรือนวดหน้าเบาๆ กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
  • หลีกเลี่ยงยา ฮอร์โมน และความเครียด ปรึกษาแพทย์หากต้องการเปลี่ยนการคุมกำเนิด
  • พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
  • หลีกเลี่ยงความเครียด เพราะส่งผลต่อฮอร์โมนในร่างกาย
  • ทานอาหารที่มีประโยชน์ เลือกทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น มะเขือเทศ ฝรั่ง ส้ม ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
  • ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
  • เลือกใช้เครื่องสำอางที่มีคุณภาพ หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐาน เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว ไม่ระคายเคือง

สรุป

โดยทั่วไป ฝ้ามักไม่ก่อให้เกิดอาการคันหรือเจ็บปวด แต่ส่งผลต่อบุคลิกภาพและทำให้สูญเสียความมั่นใจ การดูแลและรักษาฝ้ามักเน้นไปที่การป้องกันการเป็นเมลานินโดยการใช้ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพ การใช้สารผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมประสิทธิภาพในการลดการผลิตเม็ดสีเมลานิน เช่น ฮิวมิคแอซิด และกรดเมลานอก การใช้วิธีการรักษาด้วยเครื่องมือทางการแพทย์เช่น เลเซอร์ และการดูแลผิวหนังที่เหมาะสมด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับประเภทผิวของแต่ละบุคคลด้วย การเลือกใช้สารสกัดธรรมชาติอาจช่วยในการลดฝ้าได้ การรักษาฝ้า กระต้องใช้เวลาและความใส่ใจในการดูแลผิวหนังอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพและลดการกลับมาของฝ้าได้ในระยะยาว