Line chat

สิวข้าวสาร (Milia) เกิดจากสาเหตุใด พร้อมวิธีรักษาสิวเม็ดข้าวสาร

สิวหัวข้าวสารปัญหากวนใจหลาย ๆ คน

ปัญหาผิวหน้าเป็นสิ่งที่กวนใจใครหลาย ๆ คน หนึ่งในปัญหาที่พบเจอตลอด คือ ปัญหาการเกิดสิวซึ่งสิวก็มีหลายประเภทและมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งปัญหาสิวที่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลย เพราะหลายคนให้ความสำคัญกับความสะอาดบนใบหน้าเป็นอย่างมาก บางครั้งสาเหตุการเกิดสิวอาจจะมาจากปัจจัยอื่น แต่การรักษาสิวให้ถูกจุดจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก สำหรับใครที่กำลังเป็นสิวหัวข้าวสารคงจะเป็นปัญหากวนใจไม่น้อย บางคนแม้ว่าจะพยายามบีบออกเองก็ไม่หายซักที อาจจะเพราะว่ารักษาสิวข้าวสารแบบไม่ถูกวิธี ทั้งนี้เราจึงมีข้อมูลเกี่ยวกับสิวเม็ดข้าวสารมาให้ทุกคนได้หาคำตอบในบทความนี้กัน


สิวหัวข้าวสาร สิวเม็ดข้าวสาร มีลักษณะอย่างไร

สิวหัวข้าวสาร มีชื่อเรียกหลายแบบไม่ว่าจะเป็นสิวข้าวสาร สิวเม็ดข้าวสาร ล้วนเป็นชื่อเดียวกันทั้งนั้น ซึ่งสิวข้าวสารคือความผิดปกติของผิวหนังที่เกิดจากการอุดตันของต่อมไขมัน มีลักษณะเป็นเม็ดเล็ก ๆ โดยมีสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน ๆ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-2 มิลลิเมตร และมักจะเป็นบริเวณรอบดวงตาและรอบจมูก รวมไปถึงในส่วนที่ผิวถูกทำลายและระคายเคืองจากการเสียดสีด้วย


สิวเม็ดข้าวสาร (Milia) ต่างจาก สิวหิน (Syringoma) อย่างไร

สิวเม็ดข้าวสาร มีชื่อภาษาอังกฤษ คือ Milia มีความแตกต่างจาก สิวหิน (Syringoma) ยังไง หลาย ๆ คนอาจจะมีความสับสน แม้ว่าอาจจะมีลักษณะที่มีความคล้ายคลึงกัน แต่ในขณะเดียวกันหากสังเกตดี ๆ จะพบว่ามีความแตกต่างกัน ดังนี้

สิวเม็ดข้าวสาร (Milia)

สิวเม็ดข้าวสาร (Milia)

สิวหัวข้าวสาร หรือสิวข้าวสารที่เราเรียกกันมาตลอด บางคนที่ไม่เคยเป็นอาจจะคิดว่าเป็นสิวแบบมีหัวที่สามารถบีบออกเองได้ในทันที แต่เมื่อสังเกตดูแล้วจะเป็นสิวที่มีตุ่มเล็ก ๆ คล้ายเป็นสิวผด และจะสีจะขาวขุ่นเหมือนเม็ดข้าวสาร ซึ่งจะมีขนาดที่เล็กมากประมาณ 1-2 มิลลิเมตร ส่วนใหญ่แล้วบริเวณที่เป็นจะอยู่บริเวณหางตาและใต้ตา

สิวหิน (Syringoma) 

สิวหิน (Syringoma)

สิวหิน หรือชื่อภาษาอังกฤษที่เราเรียกว่า Syringoma เป็นเนื้องอกจากท่อเหงื่อ สำหรับสาเหตุการเกิดสิวหินนั้นยังไม่ได้มีการบอกแบบแน่ชัด แต่คาดว่าอาจจะเกิดจากกรรมพันธุ์ สภาพผิวส่วนบุคคล รวมถึงสภาพแวดล้อมด้วย ส่วนลักษณะของสิวหินจะเป็นตุ่มเนื้อ นูน แข็ง และจะไม่รู้สึกเจ็บหรือมีอาการคัน แต่จะใช้ระยะเวลาค่อนข้างหลายเดือนหรืออาจจะเป็นปี ๆ กว่าจะหาย เพราะฉะนั้นจึงเป็นที่มาของชื่อว่า สิวหิว นอกจากไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดแล้วยังหายยากอีกด้วย


สิวข้าวสารเกิดจากอะไร

สิวหัวข้าวสารเกิดจากการระคายเคืองของผิวหนังที่ใกล้กับต่อมไขมันหรือท่อต่อมเหงื่อ ส่งผลให้เกิดซีสต์ไขมันใต้ผิวหนังที่มีการสะสมเคราตินแล้วไม่สามารถระบายออกทางรูขุมขนได้ เนื่องจากต่อมไขมันหรือท่อต่อมเหงื่อเกิดความเสียหายขึ้น ซึ่งปกติแล้วสิวหัวข้าวสารจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ เพียงแต่จะสร้างความกวนใจ ความรู้สึกรำคาญสายตาของเราเท่านั้น แต่ถ้าหากเมื่อใดที่มีความรู้สึกว่าสิวเม็ดข้าวสารเริ่มมีขนาดใหญ่เกินและจะใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ให้รู้เลยว่าอาจจะไม่ใช่สิวหัวข้าวสารแล้ว เพราะฉะนั้นต้องไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยทันที

บริเวณที่มักเกิดสิวข้าวสาร

สำหรับหลายคนที่ยังไม่เคยเป็นสิวหัวข้าวสารคงไม่ทราบว่าบริเวณใดบ้างที่มักจะเกิดสิวหัวข้าวสาร ซึ่งคนที่เป็นส่วนใหญ่จะเกิดบริเวณรอบๆ ดวงตา เช่น สิวข้าวสารใต้ตา สิวเม็ดข้าวสารเปลือกตา หรือสิวข้าวสารตรงหางตา นอกจากนี้ยังสามารถเกิดสิวเม็ดข้าวสารข้างแก้มและสิวเม็ดข้าวสารหน้าผากได้อีกด้วย


ประเภทของสิวข้าวสาร

เป็นที่ทราบกันดีว่าสิวปกติมีหลายประเภท สิวหัวข้าวสารก็เช่นกันมี 4 ประเภท ได้แก่ สิวข้าวสารแบบราบ สิวข้าวสารแบบแผลเป็น สิวข้าวสารแบบแตกได้ และสิวข้าวสารที่เกิดจากยา โดยสามารถศึกษาข้อมูลสิวเม็ดข้าวสารแต่ละประเภทเพื่อที่จะวางแผนการรักษาต่อไป

สิวข้าวสารแบบราบ

สิวข้าวสารแบบราบส่วนมากแล้วจะเกิดบริเวณเปลือกตา แก้ม หลังหูและกราม เนื่องจากจะมีการติดเชื้อได้ง่าย โดยมีลักษณะเป็นก้อนยาว ๆ แข็ง และราบ จึงถูกเรียกว่า “สิวข้าวสารแบบราบ” ซึ่งการเกิดสิวชนิดนี้อาจจะยาวหลายเซนติเมตร อีกทั้งทุก ๆ คนสามารถเป็นสิวหัวข้าวสารแบบนี้ได้

สิวข้าวสารแบบแผลเป็น

สิวข้าวสารแบบแผลเป็นเป็นสิวที่เกิดจากการได้ความบาดเจ็บบริเวณผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นการระคายเคืองผิวหนังจากการเสียดสี เป็นเวลานานและซ้ำที่เดิม ๆ รวมไปถึงการเกิดผิวหนังอักเสบจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น เป็นผื่น ไฟไหม้ การขัดผิวแรง ๆ ล้วนเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดสิวข้าวสารแบบแผลเป็นได้

สิวข้าวสารแบบแตกได้

สิวข้าวสารแบบแตกได้ถือได้ว่าเป็นสิวที่พบยาก น้อยคนนักที่จะเป็น สำหรับใครที่เป็นสิวชนิดนี้แล้วเกิดจำนวนมากจะใช้ระยะเวลาในการรักษาที่ค่อนข้างนาน เนื่องจากสิวข้าวสารแบบแตกได้ หากมีการแตกออกมาแล้วจะถึงขั้นที่ว่ากลายเป็นแผลเป็นติดไปเลยทีเดียว และหากใครที่เป็นหนักมาก ๆ จะมีอาการคันร่วมด้วย

สิวข้าวสารที่เกิดจากยา

สิวข้าวสารที่เกิดจากยาเป็นสิวที่เกิดจากการใช้ยาบางชนิด ไม่ว่าจะเป็นฟลูออโรยูราซิลที่ไวต่อผิวหนังมีรอยแดง ระคายเคือง ติดเชื้อ จะทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองมากขึ้น หรือไฮโดรควิโนนที่มีผลข้างเคียงต่อผิวหนัง คือทำให้ผิวหนังคล้ำ เกิดอาการแสบร้อน และเป็นตุ่มแดง แล้วในที่สุดจะทำให้เกิดสิวข้าวสารที่เกิดจากยา


วิธีดูแลรักษาสิวข้าวสาร

เป็นที่ทราบกันดีว่าสิวหัวข้าวสารล้วนกวนใจหลาย ๆ คน และวิธีรักษาสิวเม็ดข้าวสารนั้นมีหลากหลายวิธี ซึ่งจะแตกต่างกันออกไป สำหรับคนที่เป็นสิวหัวข้าวสารสามารถเลือกวิธีการรักษาได้ตามความเหมาะสมโดยขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละคนด้วย

วิธีรักษาสิวข้าวสาร

การกดสิว

วิธีรักษาสิวข้าวสารด้วยการกดสิวเป็นวิธีมาตรฐานที่หลาย ๆ คนเลือกกำจัดสิวเม็ดข้าวสาร เนื่องจากคิดว่าสามารถทำได้ด้วยตนเอง บางคนหากโชคดีสิวหัวข้าวสารอาจจะหายไป ในทางกลับกันหากกดผิดวิธีก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อ เป็นรอยแผลเป็นหรืออาจจะกลับมาเป็นซ้ำได้ ในส่วนของการกดสิวที่ถูกต้องนั้นต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังจริง ๆซึ่งจะมีการใช้เครื่องมือที่สะอาดและฆ่าเชื้ออย่างเข็ม หรือลวดไฟฟ้าเจาะไปที่สิวหัวข้าวสาร แล้วแต้มด้วยกรดเฉพาะที่ (Chemical peeling) เพื่อเปิดหัวสิวเม็ดข้าวสาร จากนั้นใช้อุปกรณ์กดสิว หรือก้านสำลี ค่อย ๆ กดให้สิวเม็ดข้าวสารออกมาจนหมด

การเลเซอร์สิวข้าวสาร

การเลเซอร์สิวข้าวสาร เป็นการใช้เลเซอร์กำจัดสิว โดยการรักษาแบบใช้เลเซอร์ต้องทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ลำดับแรกจะเริ่มจากการทาหรือฉีดยาชาเพื่อช่วยบรรเทาความร้อนที่เกิดจากการยิงเลเซอร์ก่อน จากนั้นจะทำการยิงเลเซอร์ที่สิวหัวข้าวสาร และทายาป้องกันการติดเชื้อ สำหรับการดูแลหลังเลเซอร์สิวข้าวสารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะให้คำแนะนำอีกที ซึ่งแแต่ละคนจะได้รับคำแนะนำที่แตกต่างออกไปตามสภาพผิว

การใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว

วิธีแก้สิวเม็ดข้าวสารอีกหนึ่งวิธีก็คือ การใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว โดยใช้AHA/BHA กรดซาลิไซลิตซึ่งจะช่วยให้รูขุมขนเปิดออก ผลัดเซลล์ผิวที่ตายไปแล้ว ทำให้ผิวสะอาดและกำจัดสิ่งอุดตันในชั้นผิวหนังออกไปได้ ทั้งนี้การขัดผิวควรทำไม่เกิน 2 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น เพราะ หากทำบ่อย ๆ จะทำให้ผิวเสียหายจากการผลัดเซลล์ผิวจนทำให้เกิดการระคายเคืองและปัญหาเรื่องผิวบางจะตามมาได้


ดูแลผิวหน้าอย่างไรเพื่อป้องกันการเกิดสิวเม็ดข้าวสาร

การดูแลผิวหน้าไม่ให้เกิดสิวหัวข้าวสารสามารถทำได้หลายวิธี และสามารถทำได้ด้วยตนเอง ซึ่งสิ่งแรกที่ต้องให้ความสำคัญ คือ การรักษาความสะอาด ซึ่งควรใส่ใจตั้งแต่การเลือกคลีนซิ่งและการเช็ดหน้าด้วย สำหรับวิธีที่อยากแนะนำการหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ให้ความชุ่มชื้นสูงเนื่องจากจะไปขัดขวางการหลั่งไขผิวหนังจนกระตุ้นให้เกิดสิวเม็ดข้าวสาร และอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยรักษาสิวข้าวสารได้ก็คือการขัดผิวเป็นประจำโดยเฉลี่ยอาทิตย์ละ 1 ครั้งก็ได้ แต่วิธีนี้ไม่ควรทำบ่อยจนเกินไปเพราะอาจทำให้ผิวระคายเคือง


ข้อสรุป

ดังนั้นเมื่อทราบแล้วว่าการเกิดสิวหัวข้าวสารหรือสิวเม็ดข้าวสารเป็นยังไง อีกทั้งยังทราบตั้งแต่การเกิดสิวข้าวสาร ความแตกต่างระหว่างสิวหัวข้าวสารและสิวหิน รวมไปถึงวิธีการรักษาสิวเม็ดข้าวสารและการดูแลผิวหน้าไม่ให้เกิดสิวเม็ดข้าวสารอีก ทั้งนี้ไม่ว่าจะเจอปัญหาสิวในรูปแบบใดสิ่งที่ต้องทำเป็นลำดับแรก คือ การหาข้อมูลแล้วทำความเข้าใจกับปัญหาก่อน จากนั้นก็ศึกษาวิธีการที่จะช่วยรักษาให้เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด