โทนเนอร์ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนสำคัญในการช่วยให้ผิวหน้าของคุณ กระจ่างใส ไกลสิว และรูขุมขนกระชับ หลายคนอาจมองไม่เห็นความสำคัญของโทนเนอร์ สาวๆ บางคนอาจมองว่าแค่ล้างหน้าธรรมดาก็เพียงพอแล้ว แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ถ้าหากคุณเพิ่มขั้นตอนการใช้โทนเนอร์เช็ดหน้าหลังการล้างหน้า อาจช่วยให้ผิวหน้าของคุณดีขึ้นอย่างรวดเร็วก็ได้
วันนี้เราจะมาบอกประโยชน์ของโทนเนอร์ และบอกความสำคัญว่าทำไมคุณควรใช้โทนเนอร์ โทนเนอร์แบบไหนที่เหมาะกับคุณ พร้อมทั้งเรามาดูกันว่ามีโทนเนอร์สุดปังตัวไหนบ้างในปี 2566 ที่น่าใช้ และมีคุณภาพที่ดีเหมาะกับผิวหน้าของคุณ
โทนเนอร์ (Toner) คืออะไร
โทนเนอร์ (Toner) คือ ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ชนิดหนึ่งที่ใช้เช็ดหน้าหลังการล้างหน้า เพื่อทำความสะอาดผิวหน้าของคุณ การใช้โทนเนอร์หลังการล้างหน้าจะช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่บนผิวหน้า และรูขุนขนได้อย่างหมดจด
นอกจากนี้โทนเนอร์ยังมีส่วนช่วยในการปรับค่า PH ของสภาพผิวให้สมดุล เพื่อให้ผิวมีความแข็งแรงมากขึ้น และสร้างเกราะป้องกันให้กับผิว พร้อมทั้งช่วยเตรียมผิวหน้าของคุณให้พร้อมสำหรับทาครีมบำรุงในขั้นตอนต่อไป
คุณสมบัติของโทนเนอร์
ในตลาดสกินแคร์มีโทนเนอร์หลายยี่ห้อ หลายแบรนด์ และหลายรูปแบบให้คุณได้เลือกสรร แต่หลักๆ แล้วโดยทั่วไปโทนเนอร์จะแบ่งคุณสมบัติออกเป็น 3 ประเภท
- โทนเนอร์ช่วยปลอบประโลมผิว
หากใครที่ผิวหน้าชอบมีผื่น หรือผิวมีอาการเห่อแดงง่าย โทนเนอร์ที่มีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลมผิวจะช่วยบรรเทาอาการอักเสบของผิวลงได้ และช่วยให้ผิวของคุณไม่แห้งตึง ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติที่อ่อนโยนอย่างแตงกวา หรือใบแปะก๊วย เป็นต้น
- โทนเนอร์ให้ความชุ่มชื้น
เพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวแห้ง ลอกเป็นขุย ขาดความชุ่มชื้น ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้ผิวหน้าของคุณอ่อนแอ และเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรได้ง่าย โทนเนอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นจะช่วยเติมน้ำให้กับผิวหน้าของคุณ พร้อมทั้งเติมวิตามิน และสารบำรุงผิวต่างๆ ให้ผิวเกิดความแข็งแรง ซึ่งสารบำรุงผิวที่มักมีในโทนเนอร์ที่ให้ความชุ่มชื้น ได้แก่ Glycerin Allantion เป็นต้น
- โทนเนอร์ผลัดเซลล์ผิว
โทนเนอร์ที่มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวจะมีส่วนผสมของสาร Salicylic Acid หรือ BHA ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใสไม่หมองคล้ำ ลดความมัน พร้อมทั้งสามารถช่วยรักษาสิวอักเสบ และสิวเสี้ยน สิวอุดตันได้
เลือกโทนเนอร์อย่างไรดี
หากคุณจะเลือกซื้อโทนเนอร์สักขวดที่เหมาะกับตนเอง คุณควรเลือกโทนเนอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวหน้าของตน ซึ่งคุณจำเป็นจะต้องรู้ว่าผิวหน้าของคุณเป็นผิวประเภทไหน โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท
- ผิวแพ้ง่าย สำหรับคนที่ผิวแพ้ง่ายให้เลือกโทนเนอร์ประเภทช่วยปลอบประโลมผิว ที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม พาราเบน หรือซิลิโคน เป็นต้น
- ผิวมัน-ผิวผสม สำหรับคนที่ผิวมัน ผิวผสม มักจะประสบปัญหาผิวเป็นสิวได้ง่าย ควรเลือกโทนเนอร์ที่มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิว ควบคุมความมันส่วนเกิน และมีส่วนช่วยในการลดสิว สิวเสี้ยน และสิวอุดตันได้
- ผิวธรรมดา หากคุณเป็นคนผิวธรรมดาสามารถเลือกใช้โทนเนอร์ได้แทบทุกสูตรเลย คุณอาจเลือกโทนเนอร์ประเภทเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวก็ได้ เพื่อให้ผิวหน้าของคุณอิ่มน้ำ และผิวดูสุขภาพดี
12 อันดับโทนเนอร์ที่ดีที่สุด ประจำปี 2566
อันดับที่ 1 โทนเนอร์ Bioderma
โทนเนอร์ตัวเด็ด ตัวดังประจำปีที่ไม่พูดถึงตัวนี้ไม่ได้เลย Bioderma Sensibio Toniquo ที่ถูกพัฒนามาเพื่อผู้ที่มีผิวบอบบาง ผิวแพ้ง่าย ด้วยสารสกัดที่อ่อนโยนอย่าง Allantoin และแตงกวา ที่มาช่วยปลอบประโลมผิวให้ผิวสบาย และลดอาการแดง พร้อมทั้งยังอุดมไปด้วย Glycerin ที่ช่วยทำให้ผิวของคุณชุ่มชื่น และนุ่มขึ้น เพื่อพร้อมสำหรับลงครีมบำรุงในขั้นตอนต่อไป
นอกจากนี้ทาง Bioderma ยังมีสารสกัดเฉพาะที่สำคัญอย่าง DAFTM PATENTED COMPLEX ที่มีเฉพาะในแบรนด์ของ Bioderma เท่านั้นที่จะช่วยลดการระคายเคือง และเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิวของคุณด้วย โดยราคาจะอยู่ที่ 890 สำหรับขวด 250 ml.
อันดับที่ 2 โทนเนอร์ THAYERS
Thayers แบรนด์สกินแคร์เก่าแก่จากประเทศอเมริกาที่มีจุดเด่นในเรื่องของสารสกัดที่เป็นออร์แกนิก สำหรับผลิตภัณฑ์ Rose Petal Facial Toner เป็นโทนเนอร์สำหรับคนที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย ด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของกุหลาบจึงทำให้สินค้าตัวนี้เป็นที่นิยมได้ไม่ยาก นอกจากนี้โทนเนอร์ตัวนี้ยังไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอลล์ น้ำหอม และพาราเบนด้วย โดยขนาด 355 ml. ราคาจะอยู่ที่ 599 บาท
อันดับที่ 3 โทนเนอร์ The Ordinary
โทนเนอร์ผลัดเซลล์ The Ordinay ที่เน้นใช้สารสกัดที่ได้รับการรับรองจากงานวิจัยที่น่าเชื่อถือจากทั่วโลก ซึ่งตัวโทนเนอร์ของ The Ordinary Glycolic Acid 7% Toning Solution จะมาช่วยให้หน้าของคุณกระจ่างใสขึ้น ซึ่งจุดเด่นของทางตัวแบรนด์จะบอกส่วนผสมอย่างชัดเจน และไม่มีการเติมแต่งสารใดๆ เพิ่มเติม แต่อาจไม่เหมาะกับการใช้ทั้งเช้า และเย็น เพราะอาจทำให้ผิวแห้งได้ง่าย โดยราคาจะอยู่ที่ 660 บาท สำหรับขนาด 240 ml.
อันดับที่ 4 โทนเนอร์ Anua
Anua Heartleaf 77 % Soothing Toner โทนเนอร์เนื้อบางเบาที่มีสารสกัดตัวหลักอย่าง พลูคาว (Houttuynia Cordata) หรือที่ทางแบรนด์เรียกว่า Heartleaf เป็นโทนเนอร์ที่ช่วยปลอบประโลมผิวที่แพ้เป็นรอยแดง หรือผดผื่นให้หายได้ และช่วยให้ผิวชุ่มชื่น แข็งแรง โทนเนอร์ Anua จะเน้นในเรื่องของความอ่อนโยนต่อผิวจึงไม่มีสารที่ทำให้เกิดการระคายเคือง ซึ่งราคาจะตกอยู่ที่ 590 บาท ในปริมาณ 250 ml.
อันดับที่ 5 โทนเนอร์ Some By Mi
โทนเนอร์ Some By Mi เป็นโทนเนอร์จากแดนกิมจิที่มีส่วนช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเก่า และลดสิวเสี้ยน โดยทางแบรนด์เคลมว่าผู้ใช้สามารถเห็นผลได้ภายใน 30 วัน ซึ่งตัวโทนเนอร์จะประกอบไปด้วย AHA ที่ช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่ผิวด้านนอก BHA ช่วยขจัดสิ่งสกปรกในรูขุมขน PHA ที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว และมีสารสกัดจากทีทรีที่จะช่วยในการควบคุมความมันส่วนเกินบนใบหน้า โดยขนาด 100 ml. ราคาจะอยู่ที่ 480 บาท
อันดับที่ 6 โทนเนอร์ Eucerin
Eucerin Pro Acne Solution Toner โทนเนอร์สำหรับคนหน้ามัน และเป็นสิว สูตร Oli-free ไม่ก่อให้เกิดสิวอุดตัน สามารถช่วยทำความสะอาดหน้าได้อย่างล้ำลึก และปรับสมุดลผิว ให้ควบคุมความมันบริเวณ T-Zone มีส่วนผสมของกรดแลคติกที่ช่วยลดสาเหตุของการเกิดสิว ใครที่มีสิว และผิวหน้ามันโทนเนอร์ตัวนี้อาจช่วยคุณได้ ซึ่งราคาจะอยู่ที่ 810 บาท ขนาด 200 ml.
อันดับที่ 7 โทนเนอร์ Pixi
โทนเนอร์ Pixi Glow Tonic เป็นโทนเนอร์ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วด้วย Glycolic Acid หรือ AHA และเผยให้เห็นผิวขาวกระจ่างใสไร้สิว ตัวโทนเนอร์ไม่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ ไม่มีพาราเบน และทางแบรนด์ไม่มีการทดลองสินค้ากับสัตว์ทุกชนิด ความรู้สึกตอนใช้อาจจะแสบนิดๆ ด้วยกรด Acid แต่มั่นใจได้เลยว่าผิวหน้าของคุณจะสะอาดแน่นอน โดยราคาจะอยู่ที่ 1,080 บาท ขนาด 250 ml.
อันดับที่ 8 โทนเนอร์ Snail White
Snail White Glow Potion Toner โทนเนอร์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ลดปัญหาสิ่งสกปรกอุดตันรูขุมขน ที่เหมาะกับทุกสภาพผิว ให้คุณเผยผิวขาวกระจ่างใสไร้สิว ซึ่งตัวโทนเนอร์ของ Snail White จะมีส่วนประกอบของ AHA และ BHA ที่ขึ้นชื่อในเรื่องการผลัดเซลล์ผิว ตัวเนื้อโทนเนอร์จะมีความบางเบาไม่เหนียวเหนอะหนะ ใช้ง่ายสบายผิว ราคาจะอยู่ที่ 390 บาท ขนาด 150 ml.
อันดับที่ 9 โทนเนอร์ Aqua
โทนเนอร์ Aqua Plus Series โทนเนอร์ยอดฮิตอีกหนึ่งตัวที่มาพร้อมกับสูตร Alcohol-Free และ Perfume Free ที่อุดมไปด้วย Vitamin B3 ช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างหลังการล้างหน้า และช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า พร้อมทั้งยังมีส่วนผสมของ L-Arginine ที่ช่วยลดริ้วรอยให้หน้าของคุณดูอ่อนเยาว์ ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 580 บาท ขนาด 50 ml.
อันดับที่ 10 โทนเนอร์ Neutrogena
โทนเนอร์เช็ดหน้าสูตร Alcohol-Free ของ Neutrogena เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้โทนเนอร์ตัวอื่นๆ ด้วยเช่นกัน เนื่องจากมีราคาที่ย่อมเยา และคุณภาพที่ดีเกินราคา ผู้ใช้หลายคนลงความเห็นว่าอ่อนโยนต่อผิว หลังจากใช้แล้วรู้สึกผิวหน้าสะอาดขึ้น และผิวไม่แห้งตึง มีกลิ่นหอมอ่อนๆ โดยราคาจะอยู่ที่ 199 บาท ในขนาด 150 ml.
อันดับที่ 11 โทนเนอร์ Plantnery
Plantnery โทนเนอร์แบรนด์คนไทยที่ถือว่ามาแรงเลยก็ว่าได้ โดยแบรนด์นี้จะเน้นในเรื่องของความเป็นออร์แกนิคของตัวผลิตภัณฑ์ และโทนเนอร์ที่ขายดีของแบรนด์นี้ก็คือสูตร Tea Tree First Toner ขวดสีเขียวเข้ม ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่เป็นสิว หน้ามัน และผิวแพ้ง่าย ด้วยสารสกัดจาก Tea Tree ที่มีงานวิจัยรองรับว่าสามารถช่วยลดสิวได้ดี แถมราคายังย่อมเยา ขนาด 250 ml. ราคา 169 บาท
อันดับที่ 12 โทนเนอร์ Acqua Alle Rose
Acqua Alle Rose Tonico Rinfrescante โทนเนอร์น้ำกลั่นกลิ่นกุหลาบสามสายพันธุ์ Canine Rose, Centifolia Rose และ Damascen Rose มีคุณสมบัติช่วยบรรเทาที่มีอาการระคายเคือง แสบแดง และแพ้ง่าย พร้อมยังช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวให้ผิวดูอิ่มน้ำ ตัวผลิตภัณฑ์ถูกคิดค้น และวิจัยโดยนักเภสัชศาสตร์ชาวอังกฤษ มั่นใจได้เลยว่าคุณภาพดีแน่นอน ขนาด 300 ml. ราคาอยู่ที่ 419 บาท
ทำไมเราควรใช้โทนเนอร์หลังล้างหน้า
สาวๆ คนไหนที่ยังไม่เคยใช้โทนเนอร์ คุณอาจจะเปลี่ยนใจมาใช้โทนเนอร์หลังจากนี้ก็ได้ ถ้าหากคุณรู้ว่าโทนเนอร์มีความสำคัญอย่างไรในการบำรุงผิวหน้าของคุณ ซึ่งประโยชน์ของโทนเนอร์ ได้แก่
- ช่วยให้หน้าของคุณสะอาดล้ำลึก
ถึงแม้ว่าต่อให้คุณจะล้างหน้าแล้วก็ตาม บางครั้งก็ยังมีสิ่งสกปรกตกค้างอยู่บนชั้นผิวหนัง และรูขุมขนเช่นกัน รวมถึงเซลล์ผิวที่ตามแล้วด้วย ดังนั้นโทนเนอร์นี่แหละที่จะมาช่วยขจัดสิ่งสกปรกเหล่านั้นให้ผิวหน้าของคุณสะอาดหมดจด
- ช่วยปรับสภาพผิวให้พร้อมทาครีมบำรุง
การเช็ดโทนเนอร์หลังล้างหน้าก็เปรียบเสมือนการเตรียมผิวของคุณให้พร้อมสำหรับการบำรุงผิวขั้นตอนถัดไป หากคุณใช้โทนเนอร์เช็ดหน้าก่อนการบำรุงผิวจะช่วยให้สารอาหารในครีมบำรุงต่างๆ ที่คุณทามีประสิทธิภาพมากขึ้น และลงลึกสู่ชั้นผิวได้มากขึ้น
- ช่วยลดปัญหาผิวต่างๆ เบื้องต้นได้
ยกตัวอย่าง เช่น ลดปัญหาการเกิดสิว สิวเสี้ยน และสิวอุดตัน ช่วยให้หน้าได้ผลัดเซลล์ผิว ผิวจึงกระจ่างใส หากใครที่ผิวมีอาการระคายเคือง หรือมีผื่นแดงก็สามารถช่วยบรรเทาอาการได้ และโทนเนอร์บางตัวก็มีคุณสมบัติที่ช่วยให้ผิวเกิดความชุ่มชื้นได้
โทนเนอร์และคลีนซิ่งแตกต่างกันอย่างไร
จริงๆ แล้วโทนเนอร์กับคลีนซิ่งนั้นมีความแตกต่างกันพอสมควร ซึ่งทั้งสองผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติ และจุดประสงค์ในการใช้งานที่ต่างกัน
- คลีนซิ่ง จะมีหน้าที่ในการเช็ดทำความสะอาดผิวหน้าเบื้องต้น เช่น การลบเครื่องสำอาง ฝุ่น มลภาวะต่างๆ ที่คุณต้องเจอตลอดทั้งวัน แต่บางครั้งหลังจากใช้คลีนซิ่งแล้วก็ยังมีสิ่งสกปรกตกค้างอยู่เช่นกัน
- โทนเนอร์ จะมีส่วนช่วยในการขจัดสิ่งสกปรกตกค้าง หลังจากการล้างหน้า และการใช้คลีนซิ่ง พร้อมทั้งช่วยเตรียมผิวของคุณให้พร้อมสำหรับการทาครีมบำรุงด้วย ซึ่งการใช้โทนเนอร์จะทำให้ครีมบำรุงของคุณซึมซาบเข้าสู่ชั้นผิวได้ดียิ่งขึ้น
ข้อสรุป
สาวๆ หลายคนอาจมองข้ามการใช้โทนเนอร์ แต่คุณรู้หรือไม่ว่า การใช้โทนเนอร์เช็ดหน้าถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ครีมบำรุงผิวของคุณซึมซาบเข้าสู่ผิวชั้นใน และมีประสิทธิภาพที่ดีมากขึ้น สำหรับสาวๆ คนไหนที่เริ่มเห็นความสำคัญของโทนเนอร์แล้ว อย่าลืมหาซื้อโทนเนอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว และปัญหาผิวของคุณมาใช้ล่ะ