อาหารเสริมแคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูก ป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกเปราะ หักง่าย ในอนาคต เชื่อว่าหลาย ๆ คนในวัยรุ่น วัยทำงาน ต่างรู้ดีว่ามีประโยชน์กับกระดูก รวมถึงผู้สูงอายุ ที่ร่างกายต้องการแคลเซียมประมาณ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน การหาอาหารที่มีสารอาหารแคลเซียม เพื่อบำรุงกระดูก ก็ดูเป็นเรื่องยาก
ใครที่กำลังมองหาวิตามินเสริมแคลเซียม แต่ยังมีข้อสงสัย?
- ต้องรับประทานแคลเซียมต่อวันกี่มิลลิกรัม
- อาหารเสริมแคลเซียมกินตอนไหน
- ปริมาณรับแคลเซียมที่เหมาะสมในแต่ละวัย
- อาหารเสริมแคลเซียมช่วยอะไรได้บ้าง
- ควรเลือกแคลเซียมเสริมกระดูกยี่ห้อไหนดี
มาหาคำตอบทั้งหมดเกี่ยวกับ อาหารเสริมแคลมเซียม บำรุงกระดูก ที่คุณอยากรู้ได้ที่นี่
10 อาหารเสริมแคลเซียม บำรุงกระดูก ยี่ห้อไหนดีที่สุด
อาหารเสริมแคลเซียม
อาหารเสริมแคลเซียม คือ แร่ธาตุทางเลือก ที่รับประทานเสริมเพื่อรักษาแคลเซียมในร่างกายให้มีปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการ เหตุผลที่เราต้องรับประทานแคลเซียมเสริม เป็นเพราะว่าร่างกายของเราไม่สามารถสังเคราะห์แคลเซียมเองได้
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหาแคลเซียมจากแหล่งอื่น เพื่อเป็นแหล่งพลังงานสำรองให้กับร่างกาย โดยแบ่งออกเป็น 2 แหล่งด้วยกันคือ
1.สารอาหาร
เราสามารถหาแคลเซียมได้จาก มื้ออาหารในแต่ละวัน เช่น นม, กุ้งแห้ง, กะปิ, ปลาเล็กปลาน้อย, ปลาสลิด, หอยนางรม, ผักใบเขียวที่มีลักษณะแข็ง (คะน้า, ใบยอ, ใบชะพลู), งาดำ ฯลฯ
2.อาหารเสริม
ซึ่งแบ่งออกได้หลายชนิด และถูกผลิตเพื่อจำหน่ายทั้งในรูปแบบที่เป็นเม็ดฟู่ ชนิดเม็ด และชนิดแคปซูล เช่น
- แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate) มีปริมาณแคลเซียมอยู่ 40 % เมื่อเปรียบเทียบแล้วน้อยกว่าแคลเซียมตัวอื่น ๆ ดูดซึมได้ค่อยข้างต่ำ ประมาณ 10 % หลังรับประทานในบางคนอาจอาการ ท้องอืด หรือ ท้องผูก
- แคลเซียมซิเทรท (Calcium Citrate) มีปริมาณแคลเซียมต่ำกว่าแคลเซียมคาร์บอเนตแต่ดูดได้ง่ายและดี ดูดซึมได้ 50% เป็นแคลเซียมที่ต้องกินพร้อมอาหาร เพราะทำงานได้ต่อเมื่อมีกรดในกระเพาะเท่านั้น
- แคลเซียม แอล ทรีโอเนต (Calcium L Theonate) ดูดซึมได้ 95% ซึ่งเป็นแคลเซียมที่สกัดจากพืช ได้จากข้าวโพด สามารถดูดซึมได้ดีที่สุด ตกค้างน้อยไม่ทำให้ท้องอืดหรือท้องผูก และไม่จำเป็นต้องพึ่งพา วิตามิน D หรือทานพร้อมอาหาร สามารถรับประทานตอนท้องว่างได้เลย
- แคลเซียมกลูโคเนต( calcium gluconate ) อัตราการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายก็ไม่ค่อยแน่นอน ควรรับประทานยาพร้อมหรือหลังอาหาร ไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อในกระเพาะอาหาร
ความสำคัญของแคลเซียม
แคลเซียม (Calcium) จัดเป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่มีมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของร่างกาย ที่มีความสำคัญมากในทุกเพศทุกวัย โดยร้อยละ 99 ของแคลเซียมจะพบในกระดูกและฟัน เนื่องจากกระดูกประกอบด้วยเนื้อเยื่อที่มีการสร้างทดแทนกัน
เซลล์สร้างกระดูก (osteoblasts) และเซลล์สลายกระดูก(osteoclasts) งเซลล์ทั้งสองชนิดนี้จะทำหน้าที่ในการสร้างและสลายกระดูกอยู่อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งเนื้อเยื่อกระดูกยังทำหน้าที่เป็นแหล่งสะสมของแคลเซียมในร่างกาย ดังนั้นการที่ร่างกายเราสามารถดูดซึมแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอต่อกระดูก
จึงมีความสำคัญมาก เพราะสามารถช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของกระดูกและฟัน ให้สมบูรณ์แข็งแรง ในทางกลับกันหากร่างกายได้รับแคลเซียมน้อยเกินไป เซลล์สลายกระดูก จะถูกกระตุ้นให้ย่อยสลายเยื่อกระดูก
เพื่อดึงแคลเซียมออกมาให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จึงทำให้เกิดภาวะกระดูกบาง และโรคกระดูกพรุนขึ้นได้ นอกจากนี้ความสำคัญของแคลเซียมยังสัมพันธ์กับช่วงวัยด้วย ยกตัวอย่างเช่น
- วัยเด็ก-วัยรุ่น เป็นช่วงกำลังเจริญเติบโต จะมีการเพิ่มมวลกระดูกของร่างกายตามธรรมชาติ ร่างกายจึงต้องการแคลเซียมเพื่อบำรุงกระดูกและฟัน
- วัยทำงาน-วัยกลางคน กระบวนการสลายกระดูกจะมีเพิ่มมากชึ้น ส่งผลให้มวลกระดูลดลง ติดเป็นค่าเฉลี่ย ประมาณ 0.6% ต่อปี ดังนั้นถ้าเรามีการสะสมแคลเซียมในกระดูกให้พอเหมาะ ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก สามารถลดเลี่ยงผลกระทบจากการสูญเสียมวลกระดูกได้มาก และลดโอกาสเกิดโรคกระดูกพรุนในอนาคตได้
- ผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือน ช่วงเวลานี้ร่างกายจะได้รับผลกระทบจากการสูญเสียมวลกระดูกอันเกิดมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้ผู้หญิงในช่วงวัยนี้มีการ สูญเสียมวลกระดูกถึงปีละ 6 % จากการที่รังไข่ไม่สามารถสร้างฮอร์โมนได้ จึงเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุนสูง
ข้อควรรู้ : ผู้หญิงมีโอกาสกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุนมากถึง 30 – 40% ส่วนผู้ชาย 10% และในช่วง 10 ปีแรกหลังหมดประจำเดือน ผู้หญิงจะกระดูกจะบางลงเร็ว สาเหตุจากขาดฮอร์โมนเพศหญิง หรือ ฮอร์โมน Estrogen
ดังนั้น การเสริมแคลเซี่ยมบํารุงกระดูกจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพื่อเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกและป้องกันการโรคกระดูกพรุน
เมื่อขาดแคลมเซียมร่างกายจะเป็นอย่างไร
ในกรณีที่ร่างกายขาดแคลเซียม อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า หากกระดูกไม่ได้รับการดูแลที่ดี ก็จะเสี่ยงต่อการ “โรคกระดูกพรุน” ได้ง่าย รวมถึงมีอาการปวดตามข้อ ที่สร้างความทุกข์ทรมาน บางรายทรงตัวลำบาก มีปัญหาเกี่ยวกับความจำ และอารมณ์เปลี่ยนแปลงได้ง่าย
นอกจากนี้แคลเซียม ยังมีความจำเป็นต่อกระบวนการแข็งตัวของเม็ดเลือด ช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์(Enzyme) หลายชนิด ที่ช่วยให้การแข็งตัวของเลือด เป็นไปตามปกติ ช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะระบบประสาทและกล้ามเนื้อ รวมถึงกล้ามเนื้อหัวใจ โดยช่วยให้หัวใจทำงานและเต้นเป็นปกติ
แต่เมื่อร่างกายขาดแคลเซียมก็จะส่งผลให้มีอาการกล้ามเนื้อเกร็งกระตุก เป็นตะคริว ชา หรือชักได้ และยังเสี่ยงต่อการเกิดหัวใจหยุดเต้น เลือดแข็งตัวช้าอีกด้วย ซึ่งวิธีป้องกันที่ง่ายที่สุด คือการ “กินแคลเซียมเสริม”
ปริมาณแคลเซียมที่ควรรับประทานต่อวัน
ขนาดของแคลเซียมที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน จะแบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
- อายุ < 40 ปี 800 mg / วัน = นม 3 – 4 แก้ว
- วัยทอง วัยหมดประจำเดือน (~50 ปี) 1000 mg / วัน = นม 4 – 5 แก้ว
- ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์,ช่วงเริ่มหมดประจำเดือน อายุ > 60ปี 1200 mg / วัน = นม 6 – 7 แก้ว
เพื่อให้ร่างกายสามารถดูกซึมแคลเซียมไปใช้งานได้เป็นอย่างดี จำเป็นต้องใช้ตัวช่วยอย่าง “วิตามินดี” เพราะวิตามินดีเป็นเหมือนคู่หูของแคลเซียม
ช่วยให้ลำไส้ดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น ซึ่งสามารถที่จะได้รับจากการดื่มนมครึ่งลิตร หรือรับแสงแดดประมาณ 30 – 60 นาทีต่อสัปดาห์ หรือรับประทานวิตามินดีเสริม
วิธีเลือกรับประทานแคลเซียม
การเลือกรับประทานแคลเซียมให้ได้ผล สำหรับในวัยเด็กและวัยรุ่นไม่ค่อยมีปัญหา เพราะร่างกายยังแข็งแรงและต้องการแคลเซียมเสริมในปริมาณน้อย (800 มิลลิกรัม) สามารถดื่มนม หรือรับประทานอาหารให้ครบถ้วนก็เพียงพอแล้ว
แต่สำหรับวัยผู้ใหญ่ 30 ปี ขึ้นไป จนถึงวัยสูงอายุ ที่ร่างกายหยุดการสะสมของแคลเซียม ต้องรับประทานแคลเซียมเสริมทุกวัน จึงควรรับประทานแคลเซียมที่ดูดซึมง่าย อย่างแคลเซียม แอล ทรีโอเนต (Calcium L Theonate) ตกค้างน้อย
แนะนำะต้องกินควบคู่กับวิตามินดีเสริม โดยร่างกายต้องการวิตามินดี 800- 1,000 มิลลิกรัม ต่อวัน นอกจากนี้ควรเลือกซื้ออาหารเสริมแคลเซียมที่ได้มาตรฐาน มีอย. เพื่อความปลอดภัย
อ่านเพิ่มเติม : 10 อาหารเสริมผู้สูงอายุ บำรุงสุขภาพ ยี่ห้อไหนดีที่สุด
10 อาหารเสริมแคลเซียม ยี่ห้อไหนดีที่สุด
1. อาหารเสริมแคลเซียม MEGA We care Calcium-D (แคลเซียม-ดี)
อาหารเสริมแคลเซียม MEGA We care Calcium-D มีข้อดีคือหาซื้อได้ง่าย สามารถช่วยบำรุงกระดูก ให้กระดูกแข็งแรง เพิ่มมวลและความหนาแน่นของกระดูก สามารถป้องกันโรคกระดูกพรุน กระดูกบางในอนาคตได้ ช่วยให้กล้ามเนื้อทำงานได้เป็นปกติ ลดการเกิดตะคริว
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่กระดูก เช่น ผู้สูงอายุ หรือหญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร ลักษณะเป็นแคลเซียมเหลว ในแคปซูลนิ่ม ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องการละลาย ดูดซึมได้ทันที มีปริมาณแคลเซียม 600 มิลลิกรัม/เม็ด
- ส่วนประกอบ : แคลเซียมคาร์บอเนต วิตามินดี 3
- ปริมาณ :60 เม็ด
- ราคา : 450 บาท
- การรับประทาน : รับประทานวันละ 1-2 ้เม็ดหลังอาหาร
2. อาหารเสริมแคลเซียม Blackmores Calcium
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแคลเซียมชนิดเม็ด แคลเซียมblackmore เป็นอีกยี่ห้อหนึ่งที่ได้รับความนิยม หาซื้อได้ง่ายเช่นกัน ข้อดีคือช่วยบำรุงกระดูกฟันให้แข็งแรง
นอกจากนี้ทั้งยังมีวิตามิน D ที่ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมได้ดียิ่งขึ้น จึงช่วยลดความเสี่ยงภาวะกระดูกบาง และโรคกระดูกพรุนได้
- ส่วนประกอบ : แคลเซียมคาร์บอเนต วิตามินดี
- ปริมาณ : 60 เม็ด
- ราคา : 385 บาท
- การรับประทาน : ควรรับประทานพร้อมอาหาร วันละ 1 แคปซูล
3. อาหารเสริมแคลเซียม Mivolis DM Calcium
อาหารเสริมแคลเซียมเม็ดฟู่ ยี่ห้อ Mivolis DM Calcium เป็นแคลเซียมเม็ดฟู รับประทานได้ง่าย ละลายน้ำได้ดี จากเยอรมัน โดยที่ 1 เม็ดฟู่ให้ปริมาณ แคลเซียม 400 มิลลิกรัม รับประทานง่าย รสเปี้ยว ไม่มีน้ำตาล ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ช่วยในการนอนหลับ ช่วยเรื่องระบบการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และ ช่วยเรื่องระบบประสาทโดยเฉพาะระบบการส่งต่อของสัญญาณประสาท ปราศจากกลูเตนและแลคโตส ราคาไม่แพง เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบรับประทานแบบเม็ด หรือรับประทานยาก ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดี
- ส่วนประกอบ : แคลเซียม
- ปริมาณ: 20 เม็ด
- ราคา : 120 บาท
- การรับประทาน : 2 เม็ด ต่อวันหลังอาหาร
4. อาหารเสริมแคลเซียม SWISSE CALCIUM+VITAMIN D
อาหารเสริมแคลเซียม ยี่ห้อ SWISSE CALCIUM+VITAMIN D ข้อดีคือ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกและฟัน มีส่วนประกอบของแคลเซียม ไซเตรต (Calcium Citrate) และ Vitamin D3 จึงช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย สามารถดูดซึมได้ดีทำให้เกิดอาการท้องผูก
เหมาะสำหรับผู้ประทานมังสะวิรัต และผู้เป็นเบาหวาน เนื่องจาก ปราศจากน้ำตาล เกลือ ยีสต์ กลูเทน แลคโตส ไข่ ถั่วเหลือง หรือสารกันบูด ไม่มีการปรุงแต่งรสและสี
- ส่วนประกอบ : CALCIUM ,VITAMIN D3
- ปริมาณ : 90 เม็ด
- ราคา : ราคา 820 บาท
- การรับประทาน : รับประทานครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหาร
5. อาหารเสริมแคลเซียม นิวทริไลท์ แคล แมก ดี
อาหารเสริมแคลเซียมจาก นิวทริไลท์ (แคล แมก ดี ) เป็นรู้จักกันดีในชื่อ แคลเซียมแอมเวย์ ประกอบด้วยแคลเซียม แมกนีเซียม วิตามินดี และเกลือแร่ (สังกะสี ทองแดง แมงกานีส) พร้อมสารสกัดจากอัลฟัลฟาที่เพาะปลูกในฟาร์มเอล เพทาคาล ของนิวทริไลท์ ประเทศเม็กซิโก
ข้อดีคือ ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน และส่วนช่วยการแข็งตัวของเลือด ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ช่วยดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส
- ส่วนประกอบ : แคลเซียม คาร์บอเนต, แมกนีเซียม ออกไซด์,สารสกัดเข้มข้นจากอัลฟัลฟา,ซิงค์ ซัลเฟต,คอปเปอร์ กลูโคเนต,แมงกานีส ซิเตรต และวิตามินดี
- ปริมาณ :250 เม็ด
- ราคา : 1080 บาท
- การรับประทาน : รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง พร้อมอาหาร
6. อาหารเสริมแคลเซียม Bio-Calcium+D3+K
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแคลเซียมยี่ห้อ ไบโอ-แคลเซียม+ดี3+เค ผลิตภายใต้มาตรฐานการผลิตยาประเทศเดนมาร์ก เป็นอาหารเสริมแคลเซียมที่มีส่วนประกอบที่สำคัญต่อการเสริมสร้างกระดูก อย่างวิตามินดี3 และวิตามินเค จึงช่วยบำรุงสุขภาพกระดูกให้แข็งแรง ข้อดีคือเป็นแคลเซียมที่จะแตกตัวในกระเพาะอาหาร และถูกดูดซึมที่ลำไส้โดยมีวิตามินดี3 ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย
นอกจากนี้วิตามิน เค ก็ช่วยดูดซึมไปที่ลำไส้เล็ก ช่วยให้แคลเซียมเข้าไปสะสมในกระดูกมากขึ้นด้วย มาในรูปแบบ เม็ดเคี้ยวได้ รสเปปเปอร์มินท์ รับประทานง่าย
- ส่วนประกอบ : แคลเซีย วิตามินดี วิตามินเค
- ปริมาณ : 60 เม็ด
- ราคา : 650 บาท
- การรับประทาน : วันละ 1 เม็ด หรือตามแพทย์สั่ง
7. อาหารเสริมแคลเซียม The Nature Calcium Plus
อาหารเสริมแคลเซียม The Nature Calcium Plus ช่วยในทั้งเรื่องของการสร้างมวลกระดูก ความแข็งแรงของกระดูก การเจริญเติบโต เสริมสร้างการทำงานของกระดูกให้แข็งแรง มีส่วนผสมจากคอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึกที่จะช่วยเสริมสร้างกระดูกอ่อนได้ดี ป้องกันโรคกระดูกเปราะและแตกหักง่าย ลดความเสี่ยงการเกิดโรคกระดูกพรุน Osteoporosis กระดูกบาง Osteopenia และช่วย เพิ่มความสูง
- ส่วนประกอบ : แคลเซียม คาร์บอเนต, คอลลาเจน เปปไทด์จากปลาทะเล Marine, Soy Protein
- ปริมาณ : 30เม็ด
- ราคา : 450 บาท
- การรับประทาน :วันละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหารทุกวัน
8. อาหารเสริมแคลเซียม Neoca Cal Plus
อาหารเสริมแคลเซียม ยี่ห้อ Neoca Cal Plus (นิโอก้า แคล พลัส ) เป็นแคลเซียมเม็ดสําหรับผู้สูงอายุที่ช่วยบำรุงกระดูก บำรุงข้อ ลดการเกิดตระคิว อาการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ มีส่วนประกอบของวิตามินแร่ธาตุหลายชนิด และยังมีส่วนผสมของคอลลาเจน อีกด้วย ทำให้ช่วยเสริมสุขภาพของกระดูกให้แข็งแรง ลดการเกิดภาวะกระดูกพรุน คืนความสดใสให้กับผิว ช่วยให้ผมและเล็บ แข็งแรง เงางาม และช่วยในการเผาผลาญ ลดการสะสมของไขมันส่วนเกิน
- ส่วนประกอบ : Calcium Carbonate ,Magnesium Carbonate ,Zinc Sulfate , Manganese Sulfate ,Copper Sulfate ,Biotin ,Ascorbic Acid ,Vitamin D3 ,Vitamin E , Fish Collagen
- ปริมาณ : 60 เม็ด
- ราคา : 360 บาท
- การรับประทาน : วันล่ะ 1-2 เม็ด ตามความต้องการในแต่ละช่วงวัย
9. อาหารเสริมแคลเซียม VISTRA Calplex Calcium 700 mg Plus Boron
อาหารเสริมแคลเซียม ยี่ห้อVVISTRA Calplex Calcium 700 mg Plus Boron เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยม หาซื้อได้ง่าย ข้อดีคือ ช่วยในเรื่องของกระบวนการสร้างกระดูกและฟัน มีแมกนีเซียมเป็นส่วนประกอบช่วยในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ รวมถึงมีวิตามินเคช่วยลดการสลายแคลเซียมและทำให้กระดูกแข็งแรง วิตามินดีช่วยดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส
- ส่วนประกอบ : แคลเซียมคาร์บอเนต, แมกนีเซียม ออกไซต์, โบรอน อะมิโน แอซิด คีเลต, ซิงค์ อะมิโน แอซิด คีเลต, แมงกานีส อะมิโน แอซิด คีเลต , คอปเปอร์ อะมิโน แอซิด คีเลต , วิตามินบี 12 ,
วิตามินดี 3 , วิตามินเค 1 , กรดโฟลิก - ปริมาณ 30 เม็ด
- ราคา : 259 บาท
- การรับประทาน : วันละ 1-2 เม็ด พร้อมมื้ออาหารทุกวัน
10. อาหารเสริมแคลเซียม GIFFARINE Cal-D-Mag
แคลเซียมของกิฟฟารีน Cal-D-Mag เป็นหนึ่งในแบรนด์ไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลก เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ที่พิเศษคือชาวมุสลิมก็ทานได้ เพราะมีเครื่องหมายฮาลาล ข้อดีคือช่วยป้องกันกระดูกพรุน ข้อเข่าเสื่อม ลดตะคริว ลดอาการชาตามมือ ป้องกันปัญหากระดูกทับเส้นประสาท ยังช่วยปรับสมดุลระบบประสาทให้กลับมาทำงานปกติ
นอกจากนี้ Cal-D-Mag ยังส่วนประกอบของวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด ซึ่งล้วนเป็นแร่ธาตุที่ช่วยฟื้นฟูกระดูกให้แข็งแรง และยังช่วยให้นอนหลับสบาย ทำให้สดชื่นสดใส
- ส่วนประกอบ : แคลเซียม แมกนีเซียม วิตามิน ดี 3 วิตามิน ซี วิตามิน อี สังกะสี ทองแดง แมงกานีส
- ปริมาณ: 60เม็ด
- ราคา : 420 บาท
- การรับประทาน : รับประทานวันละ 1 เม็ด พร้อมหรือหลังอาหารเย็น
ข้อควรระมัดระวังเมื่อรับประทานแคลเซียม
เพื่อให้การรับประทานอาหารเสริมแคลเซียมมีประโยชน์สูงสุด ควรรับประทานตามที่กำกับ ไม่ควรรับประทานแคลเซียมเกิน 1500 mg / วัน หรือรับประทานตามคำแนะนำจากแพทย์
แคลเซียมบางยี่ห้ออาจทำให้เกิดอาการท้องผูก แนะนำให้ดื่มน้ำตามมาก ๆ รวมถึงรับประทาน ผักและผลไม้ที่มีใยอาหารสูงเพิ่มขึ้น นอกจากยังมีข้อควรระวังที่ควรทราบดังนี้
- ไม่ควรรับประทานอาหารเสริมแคลเซียม ร่วมกับยาปฏิชีวนะบางกลุ่ม (Tetracycline, Quinolone)
- ไม่ควรรับประทานอาหารเสริมแคลเซียม ร่วมกับ ยาลดความดันบางกลุ่ม (Thiazide Diuretics, Calcium Channel Blockereg Nifedipine, Diltiazem, Verpamil) เพราะ แคลเซียมจะเข้าไปยับยั้งการออกฤทธิ์ของยากลุ่มนี้
- แม้แคลเซียมจะจำเป็นต่อคนท้องและแม่ที่ต้องให้นมลูก แต่การรับประทานอาหารเสริมมากเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อแม่และเด็กได้ แนะนำคุณแม่ตั้งควรรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ที่ฝากครรภ์ก่อนรับประทานอาหารเสริมแคลเซียม
- ในกรณีที่ต้องมีโรคประจำตัวต้องรับประทานยาเหล่านี้เป็นประจำ ควรกินแคลเซียมเม็ดห่างจากยาชนิดอื่นอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพราะแคลเซียมเม็ดอาจมีผลทำให้ยาหลายชนิดดูดซึมเข้าสู่ร่างกายลดลง หรือปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
เมื่อทานแคลเซียมมากเกินไป มีผลต่อร่างกายอย่างไร?
กรณีที่รับประทานมาเกินไป แน่นอนว่าเกิดผลข้างเคียง ในกรณีที่รับประทานแคลเซียมมากเกินความจำเป็น ทำให้เกิดการตกค้างสะสมของหินปูน ทั้งในเต้านม ไต หลอดเลือด ท่อปัสสาวะ (นิ่วในทางเดินปัสสาวะ)
นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางระบบไหลเวียนโลหิต เพราะเกิดภาวะหินปูนเกาะเส้นเลือดมากขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจขาดเลือดได้
อาหารเสริมแคลเซียมเพิ่มความสูงได้จริงไหม
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแคลเซียมบางยี่ห้อ ระบุสรรพคุณว่าช่วยให้สูงขึ้น ซึ่งจริง ๆ หากเป็นแคลเซียมในรูปแบบของอาหารเสริมเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ทำให้ส่วนสูงเพิ่มขึ้นด้วยตัวของแคลเซียมเอง แต่การได้รับแคลเซียมในปริมาณที่พอเหมาะแต่ละช่วงวัย มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูก และช่วยให้สูงขึ้นได้
ซึ่งระดับความสูงของคนเรายังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น กรรมพันธ์ การยืดขยายของแนวกระดูกตามแนวตั้ง ซึ่งถูกควบคุมโดยฮอร์โมน รวมถึงวิตามินแร่ธาตุอื่น ๆ ประกอบกันโดยเฉพาะโปรตีน
ถ้าอยากสูงและมีร่างกายที่แข็งแรง ควรเสริมแคลเซียมควบคู่ไปกับการดูแลเรื่องอาหารหลัก 5 หมู่ การออกกำลังาย และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อผลลัพธ์ที่ดี ช่วยให้กระดูกมีการเจริญเติบโตเป็นไปตามปกติ
รับประทานอาหารเสริมแคลเซียมอย่างเดียวได้ไหม
เมื่อรับประทานอาหารเสริมแคลเซียมแล้ว ยังคงควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายร่วมด้วย เพราะการดูดซึมแคลเซียมยังขึ้นกับองค์ประกอบอื่น ๆ เพื่อให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง
หากเราต้องการสร้างบ้านที่สมบูรณ์แข็งแรง อาหารเสริมแคลเซียมก็เหมือนอิฐ หากเรามีแต่อิฐ ก็ไม่สามารถประกอบร่างเป็นบ้านได้ ดังนั้นยังจำเป็นต้องมี เสา ปูน เหล็ก ฯ ซึ่งนั้นหมายถึงต้องเสริมวิตามินอื่น ๆ และการดูแลตัวเองร่วมด้วย เช่น
- ออกกำลังกาย
- ทานแคลเซียมให้เพียงพอ หรือทานผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียม ในกรณีที่ไม่สามารถทานแคลเซียมให้ได้ปริมาณที่ต้องการ
- เติมวิตามินดีให้ร่างกาย
- ลดพฤติกรรมที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม ชา กาแฟ เป็นต้น
สรุป
อาหารเสริมแคลเซียม ถือเป็นอาหารเสริมที่สำคัญในแต่ละช่วงวัย เพื่อประโยชน์สูงสุด ก่อนตัดสินใจซื้ออาหารเสริมแคลเซียมมารับประทาน ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เช่น ประเภทแคลเซียม ปริมาณแคลเซียมที่จะได้รับ หรือมีส่วนประกอบของอะไรบ้างในแต่ละยี่ห้อ
เพื่อที่จะได้รับประทานได้อย่างเหมาะสม พอดี ไม่ขาดไม่เกิน และที่สำคัญ ควรซื้ออาหารเสริมแคลเซียมยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ มีอย. เพื่อรองรับความปลอดภัย
อ้างอิง
1. แคลเซียมกบโรคกระดูกพรุน pharmacy.mahidol.ac.th/knowledge/files/0218.pdf
2. Calcium webmd.com/vitamins/ai/ingredientmono-781/calcium
3. ขอบคุณข้อมูล โดย นพ.ตนุพล วิรุฬหการุญ (คุณหมอแอมป์) youtube.com/watch?v=zMXlEpbKYSU