เมื่อใดก็ตามที่เกิดริ้วรอยต่าง ๆ ใต้ดวงตารวมทั้งมีตีนกาบริเวณหางตาด้วย เราควรที่จะมองหาสาเหตุที่เป็นต้นเหตุของปัญหาผิวพรรณเหล่านี้ว่าเกิดจากอะไร ว่าเป็นริ้วรอยที่เกิดก่อนวัยและไม่ได้ให้การใส่ใจดูแลที่เหมาะสมหรือไม่ หรือเป็นเพราะอายุที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน เนื่องจากอายุที่มากขึ้นทำให้คอลลาเจนใต้ผิวจะค่อย ๆ ลดลง 1-2% ทุกปี
คำถามที่ว่าหากร่องตาลึกทำอย่างไรดี คำตอบคือการใช้วิธีรักษาทางการแพทย์ “โบท็อกริ้วรอยใต้ตา” ซึ่งเป็นหัตถการทางแพทย์ที่ใช้วิธีการฉีดโบท็อกเข้าไปที่ชั้นใต้ผิวหนังเพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัว ลดริ้วรอยใต้ตา รอยย่นรอบดวงตาที่กำลังเป็นที่นิยม เป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด เห็นผลลัพธ์เร็วและคงอยู่นาน ราคาไม่แพง (ขึ้นกับยี่ห้อโบท็อกที่ใช้)
ทำความเข้าใจกับโบท็อกริ้วรอยใต้ตา
อีกทางเลือกของการลดปัญหาริ้วรอยใต้ตาที่สามารถเห็นผลได้ทันทีภายใน 2-3 วันโดยไม่ต้องเสียเวลาในการพักฟื้นเพราะไม่ใช่การผ่าตัด ก็คือ โบท็อกริ้วรอยใต้ตา ที่ใช้ตัวยามีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ รอยย่นใต้ตาจึงถูกคลี่ออกมา, ลดขนาดกล้ามเนื้อให้เล็กลงจึงช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียวเล็กได้
โบท็อกริ้วรอยใต้ตา ใช้ตัวยาที่เป็นโปรตีนสกัดบริสุทธิ์จากแบคทีเรียเรียกว่า Clostridium Botulinum และถูกจัดเข้าเป็น Botulinum Toxin แบบ Type A ที่วงการแพทย์ได้นำมาใช้รักษาโรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อกระตุก เช่น ตาเหล่ ตาเข รวมถึงอาการปวดไมเกรนด้วย
ริ้วรอย รอยย่น ใต้ตาเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง
ร่องลึก ริ้วรอยใต้ตา รอยย่นใต้ตามีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง ? การรู้สาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอยจะช่วยให้เราหาวิธีที่เหมาะสมในการรักษาได้ตรงจุด หนึ่งในวิธีการรักษาริ้วรอย รอยย่นที่ให้ผลเร็ว ก็คือ โบท็อกริ้วรอยใต้ตา
สาเหตุที่ทำให้มีริ้วรอยใต้ตาอาจเกิดจากปัจจัยภายในหรือภายนอกก็ได้ เช่น
- ปัจจัยภายใน
- อายุที่มากขึ้นทำให้ผิวบางลงขาดความยืดหยุ่น ทำให้คอลลาเจนและไขมันลดน้อยลงจนรอยคล้ำใต้ตาเห็นได้ชัดเจน รวมทั้งกระดูกใต้ตามีการยุบตัวลง เนื้อน้อยลง จนผิวหย่อนคล้อย
- มีปัญหาสุขภาพทำให้มีอาการแพ้และตาแห้งจนเกิดรอยคล้ำจากสารฮิสตามีนที่ถูกปล่อยออกมาต่อต้านแบคทีเรีย อาจทำให้ตาบวม คันตา ตาแดง อักเสบ เป็นต้น
- เป็นลักษณะพันธุกรรมครอบครัวที่ถ่ายทอดลงมาจากรุ่นสู่รุ่น เช่น โรคต่อมไทรอยด์ที่ส่งผลให้เกิดรอยคล้ำใต้ดวงตาได้
- ปัจจัยภายนอก
- การใช้สายตาแบบผิด ๆ ด้วยการจ้องมองโทรศัพท์มือถือหรือหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ จนรู้สึกปวดตาถึงขนาดทำให้หลอดเลือดรอบดวงตาขยายใหญ่ขึ้น ผิวรอบดวงตาจึงแลดูมืดลง
- มีภาวะขาดน้ำ ได้รับน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ทำให้ผิวหนังใต้ดวงตาหมองคล้ำ ผิวแห้ง
- สัมผัสแสงแดดแรง ๆ มากเกินไป ทำให้ผิวหนังผลิตเมลานินมากเกินไปจนมีรอยคล้ำรอยย่นรอบดวงตา
- ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ พฤติกรรมขยี้ตา ถูตาบ่อย ๆ
- กินอาหารไม่ครบหมู่
- ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่จัด
- สารอนุมูลอิสระที่คอยทำร้ายเซลล์ผิว
การทำงานของโบท็อกริ้วรอยใต้ตาที่ช่วยแก้ไขรอยย่นใต้ตา
ริ้วรอยใต้ตา รอยย่นใต้ตาที่เกิดขึ้นมีส่วนทำให้ใบหน้าดูโทรมขึ้นและแก่กว่าวัย ดังนั้นคลินิกเสริมความงามจึงได้นำเข้าโบท็อกมาช่วยแก้ปัญหาที่ให้ผลลัพธ์รวดเร็ว ไม่เจ็บตัว และมีราคาไม่แพงอย่างคิด
การทำงานของโบท็อกริ้วรอยใต้ตา จะเริ่มต้นขึ้นหลังฉีดโบท็อกริ้วรอยเข้าใต้ผิวหนัง ตัวสาร Botulinum Toxin A จะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทเพื่อให้กล้ามเนื้อใต้ตาลดการทำงานชั่วคราว ทำให้ผิวหนังไม่มีการขยับเคลื่อนชั่วคราวจนกระทั่งริ้วรอยใต้ตาจางลงหรือคลายออก แต่วิธีนี้จะเหมาะกับคนที่มีริ้วรอยย่นใต้ตาแบบตื้น ๆ ไม่ลึกมากนัก
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดโบท็อกริ้วรอยใต้ตา
สำหรับคนที่สนใจฉีดโบท็อกริ้วรอยใต้ตาหลังจากได้เลือกใช้บริการคลินิกเสริมความงามที่มีรีวิวดี ๆ จากลูกค้าที่เคยใช้บริการ, มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่น แพทย์ผิวหนัง, คลินิกมีใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สะอาด ทันสมัย ปลอดภัย, ใช้โบท็อกแท้ สามารถให้คำปรึกษาแนะนำแก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ พร้อมบริการติดตามผลหลังฉีดโบท็อก
แพทย์ที่นัดวันเวลาเพื่อทำการรักษาด้วยโบท็อกริ้วรอยใต้ตาจะให้คำแนะนำแก่คนไข้หลังจากรู้ถึงความต้องการของลูกค้าจากการฉีดโบท็อกริ้วรอยใต้ตา ว่าอยากได้แบบธรรมชาติ หรือ แบบตึงมาก โดยการเตรียมตัวก่อนเข้ารักษาจะมีดังนี้
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอก่อนเข้ารับการรักษา
- งดกินยาหรืออาหารเสริม เช่น น้ำมันปลา วิตามินอี ใบแปะก๊วย ยาละลายลิ่มเลือดกลุ่มแอสไพริน ยาแก้อักเสบกลุ่ม NSAID อย่างน้อย 5 วันก่อนรักษา
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดก่อนฉีดอย่างน้อย 7 วัน
- หากเป็นผู้หญิงก็ไม่ควรอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกริ้วรอยใต้ตา
หลังทำโบท็อกริ้วรอยใต้ตาแล้ว แพทย์ผู้รักษาจะแนะนำวิธีปฏิบัติตัวที่ถูกต้องหลังฉีดโบท็อกใต้ตา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการพร้อมลดปัญหาแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นภายหลังได้ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- ควรขยับเกร็งกล้ามเนื้อ 1-2 ครั้งทุก ๆ 15 นาทีนาน 4 ชม. ตรงบริเวณที่ฉีดโบท็อกริ้วรอย
- งดจับ ลูบ คลึง เกาตรงบริเวณใต้ตาที่ฉีดโบท็อกริ้วรอย 2 สัปดาห์เพื่อหลีกเลี่ยงการกระจายของตัวยา
- งดนอนราบ นอนคว่ำ และก้มหัวต่ำกว่าอกหลังฉีดโบท็อกประมาณ 3-4 ชม. แรก
- งดกิจกรรมที่เกี่ยวกับความร้อน เช่น อบไอน้ำ อบซาวน์น่า หลังฉีดโบท๊อกประมาณ 3 วัน
- งดนวดหน้า หรือทำทรีทเม้นท์ใบหน้าหลังฉีดโบท็อกประมาณ 2 สัปดาห์
- งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หลังฉีดโบท็อกประมาณ 3-5 วัน
- ควรทาใบหน้าทุกครั้งด้วยครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขี้นไปก่อนออกนอกบ้าน
- สำหรับรอยช้ำที่เกิดหลังฉีดโบท็อกริ้วรอยให้ประคบเย็นภายใน 24 ชม.แรกหลังฉีด แล้วค่อยตามด้วยประคบอุ่น
- ดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ ทุกวัน วันละประมาณ 1.5 – 2 ลิตร
โบท็อกริ้วรอยใต้ตา ราคาเป็นอย่างไร
ราคาของการฉีดโบท็อกริ้วรอยใต้ตาจะแตกต่างกันไปในแต่ละคลินิกเสริมความงามที่มีระดับความน่าเชื่อถือและความโด่งดังที่หลากหลาย พร้อมทั้งยังขึ้นกับแพทย์ที่แนะนำการเลือกใช้ยี่ห้อของโบท็อกและจำนวนหน่วยที่ใช้แต่ละจุดสำหรับฉีดรักษาปัญหาริ้วรอยที่มีมากหรือน้อยต่างกันไป
โดยราคาของการฉีดโบท็อกริ้วรอยใต้ตา ก็จะขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อก และปริมาณที่ใช้ ซึ่งมีตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่น อย่างไรก็ตามบริเวณดวงตาเป็นส่วนสำคัญ ดังนั้นควรให้ความสำคัญ คำนึกถึงคุณภาพของโบท็อกที่ใช้ เพื่อความปลดดภัยของดวงตาเป็นอย่างแรก เพราะโบท็อกเป็นสิ่งที่จะฉีดเข้าร่างกายของเรา
ราคาโบท็อกริ้วรอยใต้ตามีหลากหลาย จากหลายประเทศ แต่ทุกยี่ห้อได้รับการรับรองความปลอดภัย มีคุณภาพได้ตามมาตรฐาน อย. , FDA เช่น
- โบท็อกริ้วรอยจากประเทศเกาหลี เช่น โบท็อกนาโบตะ (Nabota botox), โบท็อก Aestox
- โบท็อกริ้วรอยจากประเทศอเมริกา เช่น โบท็อก BTXA
- โบท็อกริ้วรอยจากประเทศเยอรมนี เช่น โบท็อก XEOMIN
สิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนี้ลูกค้าสามารถหาได้ที่คลินิกมาตรฐาน ทันสมัย สะอาด มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ มีรีวิวดี ๆ จากลูกค้าท่านอื่น ๆ พร้อมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านฉีดโบท็อกริ้วรอยโดยเฉพาะ คลินิกที่เราจะมาแนะนำในบทความนี้คือ รมย์รวินท์คลินิก (Romrawin Clinic) ที่สามารถติดต่อได้หลายช่องทาง
สรุปโบท็อกริ้วรอยใต้ตา
คนเรายามแก่ตัวลงย่อมหนีไม่พ้นปัญหาผิวพรรณที่เริ่มหย่อนคล้อยเพราะคอลลาเจนใต้ผิวหนังลดน้อยลง อาจรวมถึงสาเหตุอื่น ๆ ด้วย เช่น อาหารการกิน ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต พฤติกรรมชอบขยี้ตา ฯลฯ แต่เราสามารถดูแลป้องกันเบื้องต้นได้ด้วยตัวเองโดยการดื่มน้ำมาก ๆ, ใช้ครีมบำรุงรอบดวงตา, มาส์กตาด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติ เป็นต้น
แต่หากว่ายังไม่พอใจในผลลัพธ์ที่ได้ และไม่มีความอดทนพอในการรอ ก็สามารถใช้ทางลัด เช่น การโบท็อกริ้วรอยใต้ตา ที่สามารถช่วยลดริ้วรอยใต้ตาได้ใน 3 วันจนเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนภายใน 14 วัน และคงอยู่ได้นาน 4-6 เดือนขึ้นอยู่กับโบท็อกริ้วรอยที่ใช้ การดูแลตัวเอง และพฤติกรรมส่วนบุคคล